เรียนสนุกฝึกไม่เบื่อ…ไม่เชื่อมาเจอกัน!!!
กิจกรรมดีๆที่ร่างกายแข็งแรง
เกาะติดความเคลื่อนไหวเป็นประจำสำหรับกิจกรรม “พี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย” ซึ่งเหลือเวลาให้น้องๆ ได้เรียนรู้และฝึกทักษะพื้นฐานด้านกีฬาเพียงแค่ 1 สัปดาห์เศษๆ ก็ถึงวาระของการรูดม่านปิดโครงการดังกล่าว ส่วนจะมีโครงการดีๆ ใหม่ๆ อะไรเกิดขึ้นนั้นต้องคอยติดตามข่าวสารกับสยามกีฬากันต่อไป เพราะเราไม่พลาดที่จะนำเสนอให้คนกีฬาได้รับทราบก่อนใครแน่นอน
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น หันกลับมาดูการอบรม “พี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย” ให้ครบทุกศูนย์กีฬากันเสียก่อน หลังตะลอนไปเยี่ยมเยือน้องๆ และพี่ๆ นักกีฬาทีมชาติ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในแต่ละกีฬาที่ประจำอยู่ยังศูนย์ต่างๆ ทั้ง 4 ศูนย์ ซึ่ง สสส.เลือกใช้บริการมาแล้ว 3 ศูนย์ คราวนี้ถึงเวลาที่เราจะดูน้องๆ เยาวชน ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง บ้างว่าเขาได้รับการฝึกฝนทักษะกีฬา และเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากผู้มีประสบการณ์ไปถึงไหนกันบ้างแล้ว
และผู้ที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นบุคคลผู้ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับประเทศ อีกทั้งยังคลุกคลีอยู่กับเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจากวันแรกกระทั่งวันนี้
โดย อ.พิเชษฐ์ ศันสนะพิทยากร อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนบาสเกตบอลทีมชาติไทยกล่าวว่า ต้องบอกก่อนว่าเด็กที่มาอบรมกันเรามีทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย และพอรู้บ้างเล็กน้อย แต่ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะเรามีการแบ่งกลุ่มเพื่อที่จะให้เขาเรียนรู้ให้ครบทุกทักษะของกีฬาบาสเกตบอล โดยมีทีมงาน 4-5 คน เป็นครูสอนแต่ละทักษะ ทั้งการยิง การทรงตัว หยุด กระโดด การครองบอล เวลาเลี้ยงต้องจับลูกยังไง ก็จะสลับไปเรื่อยๆ และช่วงสุดท้ายของแต่ละวันก็จะให้ลงทีม เพราะถือเป็นการฝึกจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้เขาอยากที่จะเรียน อยากที่ฝึก และที่สำคัญเขาได้รับความสนุกสนาน หากจะให้มาเรียนทักษะอย่างเดียวคงไม่ไหว
“แน่นอนว่าจากวันแรกจนถึงวันนี้เด็กพัฒนามากขึ้น เขามีความกระตือรือร้นที่อยากจะเรียนแต่ด้วยองค์ประกอบบางทีทำให้เขาไม่เต็มที่ อย่างเรื่องของเวลา ซึ่งเวลาที่เราสอนมีจำกัดแค่นี้เพราะมีประชาชนมารอเล่น แต่เด็กกำลังติดลมเขาก็อยากจะเล่นต่อ หรือเรื่องของแป้นชูตน้อยไป เพราะเด็กที่เรียนศูนย์นี้มีประมาณกว่า 80 คน”
เช่นเดียวกับฝั่งของฟุตบอล ซึ่งสนุกสนานไม่แพ้กัน เรียกว่านอกจากจะได้ฝึกทักษะในระดับพื้นฐานของกีฬาลูกหนัง น้องๆ เยาวชน ยังเพลิดเพลินไปกับการเล่นและการสอนที่สนุกสนาน โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่ต้องแบ่งกลุ่มลงสนาม ยิ่งเพิ่มอรรถรสมากยิ่งขึ้น ทำเอาหลายคนที่ตอนแรกอาจจะรู้สึกอิดออดแต่พอมาถึงวันนี้ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกและไม่เบื่อ แถมยังอยากจะมาอบรมทุกวันและอยากให้ขยายเวลาให้นานกว่านี้
รู้แบบนี้แล้วน้องๆ จะปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปทำไม…เลิกเรียนเมื่อไหร่หันมาออกกำลังกายกันดีกว่า เชื่อเถอะว่ามาแล้วจะได้อะไรมากกว่าที่คิด
สุดท้าย…ย้ำกันเป็นประจำ น้องๆ ที่พลาดในรุ่นที่ 1 นี้ ยังสามารถร่วมอบรมได้ในรุ่นที่ 2 ง่ายๆ เพียงแค่เตรียมบัตรประจำตัวนักเรียน, สูติบัตรหรือทะเบียนบ้าน และรูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ สมัครพร้อมรับชุดที่ใช้ในการอบรม โดยติดต่อขอรับใบสมัครและส่งได้ที่ บจ.สนามสปอร์ตมีเดีย แมเนจเม้นท์ ซ.รามอินทรา 40 ถ.รามอินทรา หรือติดตามรายละเอียดที่ www.siamsport.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2508-8276 และ 08-9079-1420
เพียงแค่นี้ก็จะได้เรียนรู้ทักษะกีฬาอย่างถูกวิธี
“น้องนุช” กาญจนา สีสำราญ อายุ 13 ปี ร.ร.มักกะสันพิทยาคม
หนูชอบเล่นกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก จะได้ว่าตั้งแต่อนุบาล เพราะพ่อพาไปเล่น ทำให้รู้สึกชอบมาโดยตลอด เพราะได้ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ติดยา ก่อนที่จะมาอบรมกับโครงการนี้ ตอนเย็นทุกวันหนูก็เล่นกีฬาอยู่แล้ว เพราะอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติ อยากจะให้เพื่อนๆ หันมาออกกำลังกาย หันมาเล่นกีฬาให้มากๆ เพราะทำให้ได้เหงื่อและร่างกายแข็งแรง
“เกมส์” ชนะ ชุบเลี้ยง อายุ 12 ปี ร.ร.พระมหาไถ่ศึกษา
การที่ผมได้มาร่วมฝึกอบรมในโครงการนี้ทำให้ได้ทักษะมากขึ้น และทำให้มีความรู้เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลมากขึ้นว่ามีเทคนิคและการเล่นอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้รับความสนุกสนาน ก็อยากให้เพื่อนๆ มาเล่นกีฬากันดีกว่าที่จะไปเล่นเกมหรือไปติดยาเสพติด ผมเองก็เล่นเกมเหมือนกันแต่จะเล่นเฉพาะวันเสาร์ ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนติดเกม
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามกีฬา
update: 17-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร