เรียนรู้วิธี ‘แก่อย่างสง่า ชราอย่างมีคุณภาพ’
จะดีแค่ไหน…หากทุกคนได้เรียนรู้วิธีการเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจ เพื่อนำหลักวิชาความรู้เหล่านั้นไปใช้ดูแลตัวเองในอนาคต เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราทุกคนย่อมต้องเข้าสู่ ‘วัยชรา’ ด้วยกันทั้งสิ้น
เรื่องนี้ “พระครูสุจินกัลยาณธรรม” เจ้าคณะอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ผู้ก่อตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลหัวง้ม ยืนยันและเล่าให้ฟังว่า ในพื้นที่ของท่านนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าของผู้สูงอายุ โดยเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ ถูกลูกหลานทอดทิ้ง ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ขาดโอกาส มีฐานะยากจน จนส่งผลนำไปสู่การทำร้ายตัวเองได้
“เราตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 โดยมีกระบวนการเรียนการสอนตามแนวคิด ‘แก่อย่างสง่า ชราอย่างมีคุณภาพ’ ในภาควิชาการจะมีวิชาพระพุทธศาสนา วิชาการดูแลสุขภาพ และวิชาสังคมวัฒนธรรม”
วิชาพระพุทธศาสนา – เมื่ออายุมากขึ้นคนเราจะมีความต้องการอยู่ 2 อย่างคือทำบุญ กับธรรมะ และทางโรงเรียนก็คาดหวังว่าผู้สูงอายุจะสามารถนำเอาเรื่องราวที่เขาได้จากการเรียนการสอนตรงนี้ไปถ่ายทอด และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป
วิชาการดูแลสุขภาพ – รู้จักกันในชื่อวิชาความมีเสน่ห์ของผู้สูงอายุ เพราะเราเคยสัมภาษณ์ลูกหลานและได้รับเสียงสะท้อนว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง นอกจากเรื่องของการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังรวมไปถึง การดูแลความสะอาด ตั้งแต่เล็บมือ เล็บเท้า การล้างหน้า แปรงฟัน ตัดผม และการแต่งตัวที่ไม่ต้องมีราคา แต่ขอให้สะอาดกายไว้ก่อนด้วย
ต่อมาคือ ดูแลลึกลงไปถึงเรื่องของจิตใจ ไม่เป็นคนขี้บ่น จู้จี้จุกจิก จนทำให้ลูกหลานหรือผู้อื่นรำคาญและไม่อยากเข้าใกล้ ซึ่งถ้าทำแบบนี้ได้ ความมีเสน่ห์ของผู้สูงอายุ ก็จะกลับมาอีกครั้ง
วิชาสังคมวัฒนธรรม – มีทั้งวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น วิชาเกี่ยวกับกฎหมาย คอมพิวเตอร์ และกิจกรรมการเรียนรู้ตามความชอบ ความถนัด เช่น การจักสาน รำไม้พลอง เล่นเปตอง รำวงย้อนยุค เป็นต้น
ทำไมต้องหันมาดูแลผู้สูงอายุ
พระครูสุจินกัลยาณธรรมอธิบายว่า ถ้าเราเอ็นดูผู้สูงอายุในวันนี้ ก็เท่ากับเรากำลังเอ็นดูตัวเองในอนาคต เพราะท่านทั้งหลายก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สักวันหนึ่งเราก็จะเป็นผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน
โรงเรียนผู้สูงอายุจึงทำหน้าที่เหมือนสวนสาธารณะทางอารมณ์ของผู้สูงอายุที่จะเอาความเหงา ความเศร้า ความทุกข์ มาปลดปล่อย และมารับรอยยิ้มจากเพื่อน
“ผู้สูงอายุที่มาโรงเรียนหลายท่านได้สะท้อนเอาไว้ว่า เงินทองไม่มีความหมายเท่ารอยยิ้มของเพื่อน เพราะเงินที่มีจับแล้วไม่อุ่นเท่าจับมือเพื่อน บางครั้งเหงาต้องการกำลังใจ เงินก็คุยกับเขาไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อปีที่แล้วมีนักเรียนอายุต่ำสุด 47 ปี นั่นแสดงว่าเขาเตรียมพร้อมเพื่อที่จะดูแลตัวเองเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ทุกคนก็เช่นเดียวกัน การเตรียมใจและเตรียมพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ และถือว่าเป็นอีกทางหนึ่งที่พวกเราทุกคนจะช่วยแก้ปัญหาในวันข้างหน้าได้”
ภายหลังการเปิดทำการของโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลหัวง้ม จนถึงปัจจุบันพบว่า สถิติการทำร้ายตัวเองของผู้สูงอายุ “ไม่มีเลย” นอกจากนั้นยังพบสถิติในการขอยาจากสถานีอนามัยลดลงกว่าร้อยละ 50 และที่สำคัญการตอบรับของลูกหลานดีขึ้น และอยากให้ผู้สูงอายุมาเข้าร่วมเพื่อสามารถดูแลตัวเองได้
“อาตมาจึงคิดหวังให้โรงเรียนผู้สูงอายุขยายไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จะทำแบบไหน อย่างไรก็ได้ ที่สามารถทำได้ ตามศักยภาพของพื้นที่ที่มี ฝากความหวังไว้กับผู้นำชุมชน ให้หันมาดูแลผู้สูงอายุบ้าง เพราะถ้าเราดูแลผู้สูงอายุได้ ในวันข้างหน้าก็จะมีคนดูแลเรา ดีอย่างนั้นเช่นเดียวกัน” เจ้าคณะอำเภอพานกล่าวทิ้งท้าย
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราทุกคนจะต้องตระหนักถึงการดูแลตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วัยชราและไม่ลืมที่จะสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้หันกลับมาดูแลตัวเอง เพื่อการแก่อย่างสง่า ชราอย่างมีคุณภาพ ไปด้วยกัน
เรื่องโดย ภาวิณี เทพคำราม Team Content www.thaihealth.or.th