เริ่ม 1 มี.ค. จับคนขับ-คนซ้อนมอ’ไซค์ไม่สวมหมวก
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
บช.น.ดีเดีย์ 1 มี.ค.จับทั้งคนซ้อน คนขับ หลังรณรงค์วินรถจักรยานยนต์ทั่วกรุงฯสวมหมวกกันน็อค
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ดูแลงานจราจร กล่าวว่า จากนโยบายของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่ต้องการเน้นการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเน้นให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อค 100 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ผ่านมา ได้มีโครงการให้ผู้ขับขี่ยืมหมวกกันน็อค และการบังคับใช้กฎหมาย หากไม่สวมหมวกจะไม่อนุญาตให้ขับรถต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการบังคับใช้กฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง แต่เพื่อให้การรณรงค์ต่อเนื่องตลอดไป ทั้งปี 61 และประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น บช.น.จึงได้เน้นการเข้าไปให้ความรู้กับวินจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่กรุงเทพมหานครทุกวัน เพราะถือว่าเป็นกลุ่มที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นประจำและมากที่สุด โดยบช.น.ได้มอบหมายให้แต่ละสน.เข้าไปอบรมให้ความรู้วินจักรยานยนต์ในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งขณะนี้ตนได้รับรายงานว่า แต่ละสน.เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยที่สำคัญจะต้องทำให้กลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้างเกิดความตระหนักและตื่นตัว โดยการเน้นให้สวมหมวกกันน็อคทั้งคนขับและผู้โดยสาร เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าผู้โดยสารที่ใช้บริการวินรับจ้างมักจะไม่สวมหมวกกันน็อค
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนได้กำชับให้แต่สน.เร่งดำเนินการอบรมวินจักรยานยนต์ให้ครบ รวมทั้งสถานศึกษา โรงงาน บริษัท ที่มีพนักงานขับรถจักรยานยนต์ไปทำงาน ก่อนที่จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายจับปรับทั้งคนขับและคนซ้อน ในวันที่ 1 มี.ค.61 โดยต่อไปหากพบเห็นว่าคนซ้อนไม่สวมหมวกกันน็อคจะมีโทษปรับทันที ทั้งนี้กฎหมายพ.ร.บ.จราจรทางบก ได้ระบุไว้ดังนี้ มาตรา 122 กำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้โดยสารต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนจะต้องโทษปรับไม่เกิน 500 บาท โดยห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่รถในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย หากฝ่าฝืนผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะถูกปรับเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนด เช่น คนขับรถไม่สวมหมวกบรรทุกคนโดยสารที่ไม่สวมหมวกจะถูกจับเป็นความผิด 2 ข้อหา คือการไม่สวมหมวกเฉพาะตัวเอง มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาทและอีกข้อหาคือไม่จัดให้คนซ้อนสวมหมวกกันน็อค อย่างไรก็ตามในปีนี้ บช.น.ตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินการให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองความปลอดภัยและลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด