เยาวชนเสี่ยงปัญหาความรุนแรง-ครอบครัวแตกแยก
ที่มา : MGR Online
ภาพประกอบจาก MGR Online และแฟ้มภาพ
โพลวันเยาวชนปี 59 เผยเยาวชนเผชิญสารพัดปัญหา ทั้งปัจจัยเสี่ยง ความรุนแรง ครอบครัวแตกแยก ขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่มีพื้นที่ปลอดภัย
วันที่ 20 ก.ย.59 ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ร่วมกับ 30 องค์กร อาทิองค์กรยูนิเซฟ ประเทศไทย มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติประจำปี 2559 ในงานมีเวทีเสวนาหัวข้อ“เสียงเด็กและเยาวชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย”ทั้งนี้มีตัวแทนเยาวชนจาก4 ภาคทั่วประเทศ ร่วมสะท้อนปัญหาและผลกระทบต่อเด็กเยาวชนรวมถึงการนำแอปพลิเคชันยูรีพอร์ต (U-Report) มาใช้เป็นเป็นช่องทางผลักดันสู่การออกนโยบาย
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เปิดเผยผลสำรวจของมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนาร่วมกับเครือข่ายฯ ลงพื้นที่สำรวจ “ปัญหาเด็กและเยาวชน กับการมีส่วนร่วมทางสังคม” ในกลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาถึงอุดมศึกษา 1,661 ราย จาก 4 ภาค ทั่วประเทศ พบว่า เกินครึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง เมื่อถามถึงการมีส่วนร่วมคิดและตัดสินใจ พบว่า 42.26% แค่ร่วมคิดแต่ไม่เคยได้ร่วมตัดสินใจ และ 18.42% ไม่มีโอกาสทั้งร่วมคิดและร่วมตัดสินใจ ปัญหาที่เยาวชนต้องเผชิญ ได้แก่ ความรุนแรงในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน 18.45% เหล้า บุหรี่ พนัน 18.20% แหล่งมั่วสุม16.19% สื่อไม่สร้างสรรค์ 13.67% พื้นที่ไม่ปลอดภัย 11.80% การถูกกีดกันทางสังคม 7.59%
ทั้งนี้ที่มาของปัญหาเกิดจากกฎหมายการบังคับใช้อ่อนแอความความไม่เท่าเทียมขาดทักษะชีวิตมีทัศนคติเชิงลบ ครอบครัวอ่อนแอ และนโยบายรัฐบาลไม่เอื้ออำนวยทำให้ส่งผลตามมาได้แก่ครอบครัวแตกแยก สุขภาพจิตคุณภาพชีวิตแย่ ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ขาดโอกาสทางการศึกษา
“สำหรับแนวทางแก้ปัญหาที่เยาวชนอยากให้เกิดขึ้นจริงคือส่งเสริมพื้นที่ปลอดภัยสร้างสรรค์ 23.03% ครอบครัวชุมชนโรงเรียนใส่ใจแก้ไขปัญหา 18.83% เยาวชนมีส่วนร่วม 16.87% ที่สำคัญ 10.19% ต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายปกป้องเด็กและเยาวชนที่เป็นจริง ทั้งนี้สิ่งที่เยาวชนต้องการมีส่วนร่วมแก้ปัญหามากที่สุดคือ การศึกษา 28.34% รองลงมาสุขภาพ12.19% ความรุนแรง 11.09% เพศ 11.56% และการเมือง 2.88% อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนชัดเจนว่า เยาวชนต้องการให้ผู้ใหญ่รับฟังเสียงของเขาบ้าง ขอให้เขาได้มีโอกาสร่วมแก้ไขปัญหา มีพื้นที่ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ และร่วมลงมือทำ” นายธีรภัทร์ กล่าว
นายคงเดช กี่สุขพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสารนิเทศ(ดิจิทัล)องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่าเสียงของเยาวชนมีความสำคัญตามหลักขั้นพื้นฐานของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในกว่า190 ประเทศที่ร่วมลงนามเป็นภาคี และในยุคดิจิทัลนี้ยูนิเซฟได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการเข้าถึงเด็กและเยาวชนของเทคโนโลยีการสื่อสารจึงได้ริเริ่มให้มีระบบยูรีพอร์ตซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมสิทธิในการมีส่วนร่วมของเด็กเยาวชนให้ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านระบบโพลในรูปแบบแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมใช้งานระบบยูรีพอร์ตและมีสมาชิกที่เรียกว่ายูรีพอร์ตเตอร์ (U-Reporter) มากกว่า 2 ล้านคนโดยหลักการของยูรีพอร์ตคือจะมีคณะกรรมการยูรีพอร์ตในการคิดประเด็นคำถามที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนเพื่อสอบถามยูรีพอร์ตเตอร์ในแต่ละเดือน ซึ่งสมาชิกเหล่านี้จะสามารถตอบกลับความคิดเห็นได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน U-Report จากนั้นคำตอบจะถูกรวบรวมและแสดงผลบนเว็บไซต์
"ซึ่งผู้ที่กำลังติดตามประเด็นดังกล่าวอยู่ สามารถนำไปใช้ได้ทันที เช่น การนำเสนอข่าว นำไปเป็นข้อมูลให้กับภาครัฐเอกชน เอ็นจีโอ นักวิชาการ โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ทำได้ง่ายด้วยการดาวน์โหลดแอป U-Report หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://thailand.ureport.in หรือเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/UReportThailand" นายคงเดช กล่าว
“เชื่อว่าระบบนี้จะช่วยให้เปลี่ยนเสียงทุกเสียงของเด็กและเยาวชนให้กลายเป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมทั้งในระดับปฏิบัติการระดับกิจกรรมไปจนถึงเชิงยุทธศาสตร์และนโยบายโดยยูรีพอร์ตนี้จะเป็นเครื่องมือในการรวบรวมความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนเป็นจำนวนมากๆได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยผ่านทางแอปพลิเคชันและไม่มีเปิดเผยตัวตนผู้ที่ตอบแบบสอบถาม”นายคงเดชกล่าว
ด้านนางเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน สสย. กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมให้ความสำคัญกับเยาวชนน้อยมากทั้งที่เขาควรจะได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้เกิดคุณภาพในทุกระดับ ซึ่งต้องเน้นที่การส่งเสริมสร้างกระบวนการการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมมีกระบวนการพื้นที่สื่อสร้างสรรค์รวมถึงจัดกระบวนการสภาพแวดล้อมรอบตัวให้มีความปลอดภัย มีสื่อดีๆ ที่ช่วยสร้างการเรียนรู้และเกิดภูมิคุ้มกันที่ดีซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เขาจะซึมซับจนเกิดเป็นความรับผิดชอบมีมิติเชิงบวกดังนั้นกระบวนการทำงานคือต้องให้เด็กเยาวชนได้ลงมือทำแก้ปัญหาจนเกิดเป็นการเรียนรู้ และเกิดการยอมรับจากผู้ใหญ่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมในที่สุด