เยาวชนหนุนเชียร์บอลไม่ดื่มเหล้า
กีฬาฟุตบอลกำลังเป็นที่นิยมของคนไทยไม่จำกัดเพศวัย ฐานะอาชีพ โดยเฉพาะบอลยุโรปมีแข่งกันทุกวัน แข่งกันแทบตลอดทั้งปีเป็นอาชีพอีกอาชีพหนึ่ง บอลไทยก็กำลังขึ้นชั้นเป็นอาชีพ เป็นอีกหนทางหนึ่งที่สามารถจะยึดเป็นหลักในการสร้างเนื้อสร้างตัวได้ นอกจากจะเป็นทางรับใช้ชาติได้ในอีกทางหนึ่ง
กีฬากีฬาเป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลสทำคนให้เป็นคน คือ นอกจากให้มีร่างกายแข็งแรงเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือครอบครัว ช่วยชาติแล้ว ยังช่วยให้เป็นคนคือ มีคุณธรรม รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย เรียกว่าส่งเสริมให้คนเป็นคนดีดีแล้วก็ดียิ่งขึ้น นั่นเป็นหลักการโบร่ำโบราณที่ดูเหมือนวันนี้วงการกีฬา ที่ชัดเจนก็บอลไทยเรานี่แหละเห็นจะลืมเลือนหลักดังกล่าวไปเกือบสิ้นแล้วกระมัง
วันนี้การแข่งขันบอลแต่ละหน สนามแข่งจึงเป็นที่รวมของอบายมุขเช่น การพนัน แล้วก็เป็นแหล่งมั่วสุมร่ำสุรายาเมาจากแฟนๆ ของแต่ละทีม เพื่อที่จะเชียร์ทีมของตัวเองได้อย่างไม่ต้องคิดถึงสติ
ที่สุดแล้วเล่นบอลจึงไม่ใช่เพื่อที่จะเป็นกีฬาที่จะนำพาเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การช่วยครอบครัวช่วยชาติ หากแต่กลายเป็นแหล่งพนันแหล่งมั่วสุม และที่สุดกลายเป็นแหล่งสะสมอารมณ์แค้นขุ่นมัวจนถึงขึ้นตะลุมบอนทำร้ายกันระหว่างแฟนของแต่ละทีมที่ไม่รู้จักแพ้ทำนองบอลแพ้คนไม่แพ้ จนหลายครั้งไม่ใช่แค่บาดเจ็บแต่ถึงล้มตาย
สาเหตุหลักเลยมาจาก “เมา” นายคำรณ ชูเดชา ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อเยาวชนเพื่อการพัฒนา พร้อมเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ (หน้าเก่าก็ต้องป้องกันด้วย) กว่า 10 คน เข้าพบ ดร.วิชิตแย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีกเสนอการสนับสนุนแนวคิดห้ามนำเครื่องดื่มน้ำเมาและห้ามคนเมาเข้าสนามบอล แล้วก็เสนอให้ดำเนินการลดผลกระทบอันเกิดจากปัญหาดังกล่าว
“ที่ผ่านมาการแข่งขันในหลายสนามขาดความเอาใจใส่และเข้มงวดปล่อยให้ดื่มน้ำเมาในสนาม และปล่อยให้คนเมาเข้าสนามค่อนข้างอิสระ อันเป็นสาเหตุนำไปสู่การทะเลาะวิวาทกันถึงขั้นตะลุมบอน นอกจากทำให้เกิดบาดเจ็บจนบางครั้งถึงตาย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของการแข่งขัน มูลนิธิและเครือข่ายฯขอแสดงจุดยืนและเสนอมาตรการป้องกันให้เกิดประสิทธิภาพคือ แนวคิดห้ามนำน้ำเมาเข้าสนามบอล สนามกีฬา ห้ามดื่มขณะนั่งชม และห้ามคนเมาเข้าสนามอย่างเด็ดขาด ห้ามขายน้ำเมาทั้งในสนามและรอบๆ สนามก่อนการแข่งขัน 3 ชั่วโมงต่อเนื่องไปจนการแข่งขันผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมง โดยให้ออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ฝ่าฝืนมีบทลงโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน กติกาดังกล่าวคิดว่าแก้ปัญหาได้เพราะมีหลายประเทศต้นตำรับดำเนินการแล้วอย่างอิตาลี บราซิล เป็นต้น” นายคำรณกล่าวด้านนายถิระวัฒน์ พันธึม่วง เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่กล่าวเสริมว่าอยากฝากถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ว่ามีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์พยายามใช้กีฬาเป็นเครื่องมือแฝงเข้ามาในรูปของการสนับสนุน หากแต่เป้าหมายคือการเพิ่มยอดขายโดยการล่อหลอกให้นักดื่มหน้าใหม่เผลอไปตามการเชิญชวน จึงอยากฝากเยาวชนที่เป็นแฟนบอลทุกคนเชียร์อย่างมีสติ ไม่จำเป็นต้องดื่มแอลกอฮอล์ก็เชียร์สนุกได้ ไม่ว่าจะในสนามหรือนอกสนาม ยิ่งไปเชียร์ในสนามยิ่งต้องไม่ใช้แอลกอฮอล์เชียร์อย่างเด็ดขาด ตรงนี้ต้องฝากให้ผู้จัดมีมาตรการเข้มงวดอย่างจริงจังด้วย
นายวิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก (ทีพีแอล) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนพร้อมสนับสนุนแนวคิดการห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือน้ำเมาขายรอบสนามบอลสนามกีฬา ห้ามนำเข้าไปในสนามบอลทุกรูปแบบ และห้ามคนเมาเข้าสนามบอลเด็ดขาด บริษัททีพีแอลมีกฎระเบียบห้ามเด็ดขาดอยู่แล้ว ทุกสนามแข่งขันจะมีเจ้าหน้าที่ควรดูแลกวดขัน แต่อาจจะมีบางสนามที่ใส่ใจไม่มากพอ หรือบางสนามมีเครื่องดื่มสนับสนุนอยู่ แต่ก็เชื่อว่าในหลักการแล้วต้องมีข้อตกลงที่ไม่ขัดต่อกฎหมายอย่างแน่นอน
“ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะมูลนิธิและเพื่อนเครือข่ายฯ และคณะกรรมการก็มีการพูดคุยเรื่องนี้ตลอดไม่ได้นิ่งนอนใจ ยิ่งมีปัญหาเกิดขึ้นก็ให้ความสนใจอยู่มาก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหรือมาตรการป้องกันเหตุก็ต้องว่ากันตามข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานและบางครั้งคนจำนวนมากก็ตรวจสอบลำบากที่จะทำได้ครบ แล้วก็เรื่องขายน้ำเมาข้างสนามกีฬาก็จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณา ทีพีแอลกำชับไปทุกสนามเรื่องการห้ามนำน้ำเมาเข้าสนามเด็ดขาด อย่างเหตุปะทะหรือทะเลาะกันระหว่างแฟนบอลท่าเรือกับพัทยา ทีพีแอลตัดสินลงโทษไปแล้ว จากข้อมูลสอบสวนก็ไม่ได้เกิดจากเมาสุรา แล้วที่พบว่ามีคนดื่มสุราก็เป็นเพียงบางคนหรือบางกลุ่มที่ไม่ใช่แฟนบอลทั้งหมด แต่เพื่อไม่ประมาทก็จะกำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจเข้มยิ่งขึ้น” นายวิชิตกล่าวรวมความแล้วหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าการป้องกันห้ามปรามเรื่องน้ำเมากับการเชียร์บอลหรือกีฬานั้นเป็นเรื่องดี ไม่ว่าจะเยาวชนนักดื่มหน้าใหม่หรือนักดื่มหน้าเก่าก็ตาม ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันเหตุร้าย ป้องกันการเสียภาพของวงการบอลและประเทศชาติ หากแต่ยังป้องกันการบาดเจ็บล้มตาย การป้องกันด้านเศรษฐกิจทั้งของตัวเองของครอบครัวและของชาติได้
แล้วก็การป้องกันไปจนถึงสุขภาพกายสุขภาพใจพร้อมกันไปด้วย
นายจิระศักดิ์ โจมทอง ผอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์สโมสรชลบุรีเอฟซี ก็ขานรับนายปฐพล จันทร์เพชร ผู้จัดการแพทสเตเดียมก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของมูลนิธิเพื่อเยาวชนเพื่อการพัฒนาและเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ที่เสนอผ่านดร.วิชิต แย้มบุญเรืองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในฐานะแฟนกีฬาคนหนึ่งเฉพาะอย่างยิ่งบอลไทยรับรู้เรื่องนี้แล้วก็อุ่นใจขึ้นเยอะทีเดียว มีความหวังว่าจะไม่เห็นภาพแฟนบอลเมาตีกันในสนามบอลลีกไทยอย่างเด็ดขาดในไม่ช้านี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ