เมื่อเด็กสูญเสียพ่อแม่หนทางช่วยเหลือ-เยียวยา

          การสูญเสียพ่อแม่เป็นความเครียดรุนแรงสูงสุดในชีวิตเด็กและวัยรุ่นและถ้าเป็นการสูญเสียอย่างเฉียบพลันหรือตายผิดธรรมชาติ จะส่งผลกระทบที่รุนแรงเพิ่มขึ้น

         

การสูญเสียที่พักอาศัย รายได้ ที่ทำกินอาจส่งผลกระทบต่อเด็กไม่มากเท่ากับการขาดความรักความเอาใจใส่จากคนรอบข้าง

         

ครอบครัวที่สูญเสียพ่อหรือแม่ไปคนหนึ่งทำให้สูญเสียรายได้ มีการเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของทุกคนในครอบครัว เด็กที่อายุมากที่สุดในบ้านจะรับผิดชอบเพิ่มขึ้นมาก สัมพันธภาพในบ้านเปลี่ยนไปอย่างมากเนื่องจากพ่อแม่ที่เหลือจะต้องทำงานหารายได้เพิ่มขึ้น มีเวลาให้ลดลง

         

ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทยร่วมกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยให้ความรู้และคำแนะนำสำหรับครอบครัวที่ประสบเหตุการณ์นี้ รวมถึงชุมชนและสังคมที่จะมี

         

ส่วนช่วยเยียวยาให้กับเด็ก

           เด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อหรือแม่จะมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทางจิตใจในเวลาต่อมาได้ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้

          1.เสียพ่อแม่ในช่วงอายุต่ำกว่า 5 ปี

          2.เสียแม่ในเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 11 ปี หรือเสียพ่อในวัยรุ่นชาย

          3.มีปัญหาทางจิตใจมาก่อน หรือเคยมีปัญหากับพ่อแม่ที่ตายมาก่อน

          4.มีปัญหาสัมพันธภาพกับพ่อแม่ที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เหลือนั้นแต่งงานใหม่ และเด็กปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้

          5.พ่อแม่ที่เหลือหรือผู้ดูแลเด็ก มีปัญหาทางจิตใจ ปรับตัวไม่ได้ เครียด กังวล ซึมเศร้า ก้าวร้าว เป็นต้น

          6.พ่อแม่ที่เหลือหรือผู้ดูแลเด็กไม่ให้เวลาความรัก ความใกล้ชิดเอาใจใส่ และญาติมิตรชุมชนไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้

         

การให้ความช่วยเหลือ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่

          1. ช่วยเหลือพ่อแม่และญาติ คือ ช่วยให้พ่อแม่ถึงจุดที่ยอมรับความตายได้ โดยการ

          ให้โอกาสพ่อแม่ระบายความรู้สึกสูญเสีย  

          ใช้คำอธิบายธรรมดา เข้าใจง่าย ค่อยเป็นค่อยไป

          ใช้ความนุ่มนวลและจริงใจ

          – ช่วยคิดทางออกในการแก้ปัญหาครอบครัวระยะสั้นและระยะยาว

          ช่วยติดต่อประสานงานในการรับความช่วยเหลือ

          ช่วยเหลือในการจัดกิจกรรมงานศพ

          – จัดให้มีเวลาอยู่คนเดียวเพื่อคิดทบทวน และยอมรับความจริงเกี่ยวกับการสูญเสีย

          2. ช่วยเด็ก แบ่งวิธีช่วยเหลือไปตามวัยต่ำกว่า 5 ปี : หาคนมาช่วยดูแล  จัดกิจกรรมและปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมในการเจริญเติบโตต่อไป

         

5- 12 ปี : มีเวลาพูดคุย เปิดโอกาสให้เล่าปัญหา พูดถึงความกลัว  ให้เด็กระบายความรู้สึกทั้งความเสียใจ  ความกังวล ความกลัว ความเจ็บแค้น ความไม่พอใจ

          ใช้คำพูดง่ายๆ สั้นๆ  เพื่อทำให้เด็กเข้าใจสถานภาพสิ่งที่เกิดขึ้นโดยให้ข้อมูลที่เหมาะสมกับวัย ไม่ใส่อารมณ์หรือความรู้สึกเคียดแค้นของผู้ใหญ่ให้เด็กรับรู้

          ถ้าเด็กคิดว่าตัวเองอาจเป็นสาเหตุของความตาย ก็แก้ไขความเข้าใจ ให้เด็กเข้าใจและยอมรับความจริงของชีวิตที่ว่า ทุกคนสุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกัน

         

12 -18 ปี : คล้ายกับวัยเรียนและผู้ใหญ่ เปิดโอกาสให้ทำสิ่งดีให้กับผู้ที่จากไป เช่น ให้มีส่วนร่วมในการจัดงานศพ ให้มีโอกาสขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดต่อกัน

         

2.การจัดการในระยะยาวการเฝ้าติดตามเป็นระยะ เป็นการคงสภาพความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์ผู้รักษาและพ่อแม่, เด็ก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาที่ได้ผลการที่พ่อแม่อาจหลีกเลี่ยงการยอมรับสภาพของโรคหรืออาจเปลี่ยนหมอรักษาไปเรื่อยๆ จะเกิดผลเสียต่อเด็ก ควรเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยกลับมาดูการที่แพทย์อดทนต่อภาวะปฏิเสธจะทำให้ญาติค่อยๆ เกิดความเชื่อมั่นในตัวแพทย์ที่รักษา

         

คำแนะนำสำหรับการป้องกันประเมินค่าพ่อแม่ ในการดูแลเด็ก ในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโรค ขอบเขตที่วางไว้ให้เด็กการเลี้ยงดู ระวังลักษณะการเลี้ยงดูที่ปกป้องเกินไป ตามใจมากเกินไป ห้ามเด็กมากเกินไปหรือละทิ้งเด็ก

         

ประเมินค่าเด็กโดยผ่านการพูดคุย หรือดูวิธีที่เด็กเล่น ซึ่งมักจะเห็นความโกรธหรือก้าวร้าวได้สูงการเล่นเข้ากลุ่มจะเป็นทางให้เด็กได้พบความ

         

สำเร็จ, สมหวังบ้าง ได้เพื่อนได้เห็นว่าอีกหลายๆ คนที่ด้อยโอกาสกว่าก็ยังมีอีก การกระตุ้นให้เด็กพูดได้ตามอิสระจะทำให้เด็กมั่นใจที่จะแสดงความคิดเห็นความรู้สึก, ชี้ชวนให้เด็กรับผิดชอบต่อตัวเองในการกินยา และการควบคุมอาหาร เสริมให้เด็กมั่นใจในตัวเอง

         

จะเห็นว่าทั้งเด็กและพ่อแม่ต่างก็ต้องการระบายความรู้สึกที่เป็นความคับแค้นไม่พอใจไม่สมหวัง, ความกลัวและความรู้สึกผิด ทีมผู้รักษาประคับประคองให้พ่อแม่และเด็กก้าวข้ามสิ่งต่างๆ ได้โดยให้โอกาสด้วยท่าทีที่นุ่มนวลและเข้าใจ ส่งผลทำให้เกิดความร่วมมือในการรักษาและทำให้ผลการรักษาออกมาดี

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

Update:13-09-53

อัพเดทเนื้อหา : คีตฌาณ์ ลอยเลิศ

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ