เมื่อลูกชักจะทำอย่างไร
เป็นธรรมดาของพ่อแม่ทุกคน ถ้าลูกของตนเองมีอาการชักเกร็งหรือชักกระตุกทั้งตัว(โรคลมบ้าหมู) คงรู้สึกตกใจ และวิตกกังวลว่าหลังจากมีอาการชักแล้ว ลูกของตนอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาเช่น ปัญญาอ่อน พิการทางสมอง หรือบางท่านอาจจะคิดว่าอาการชักอาจทำให้ลูกของท่านถึงขั้นเสียชีวิตได้
ผศ.นพ.สุรชัย ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ภาควิชากุมาเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายว่า สาเหตุของอาการชักนั้นมีหลายสาเหตุ อาจจะเกิดจากภาวะหรือโรคบางชนิด แต่ที่จะกล่าวถึงในที่นี้คือภาวะชักจากไข้ซึ่งเป็นภาวะชักที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก
ภาวะชักจากไข้ คือการที่เด็กมีอาการชักซึ่งมักมีลักษะเป็นแบบเกร็งหรือกระตุกทั้งตัวในขณะที่มีไข้ (ซึ่งมักจะมีอุณหภูมิมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส) ภาวะนี้พบในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และพบได้บ่อยที่สุดในเด็กอายุประมาณ 1 ขวบครึ่งถึง 2 ขวบ ภาวะนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการที่สมองของเด็กเล็ก ๆ นั้นยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการชักมากกว่าในเด็กโต
เมื่อลูกมีอาการชัก สิ่งที่พ่อแม่ควรปฏิบัติคือ
1. ตั้งสติ อย่าตกใจ เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือลูกของท่านได้อย่างถูกต้อง
2. ค่อย ๆ จับเด็กนอนลง ตะแคงตัวเด็ก และจับศีรษะให้ลงต่ำกว่าลำตัวเล็กน้อย เพื่อป้องกันการสำลัก
3. ถ้าในปากลูกน้อยมีน้ำลายหรือเศษอาหารที่เห็นได้ชัด ควรเช็ดออก สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดก็คือ การล้วงหรืองัดปากด้วยวัสดุใด ๆ เพราะโอกาสที่ลูกของท่านจะกัดลิ้นขาดจากอาการชักนั้นแทบจะไม่มี แต่ในทางกลับกันการงัดปากในขณะที่มีอาการชักนั้น อาจเกิดปัญหาตามมา เช่นเกิดบาดแผลที่ปากหรือเหงือก หรือ ฟันอาจจะหักก็ได้
4. ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อให้แพทย์ประเมินและรักษาผู้ป่วยต่อไป
เมื่อพ่อแม่นำลูกของท่านมาถึงโรงพยาบาล แพทย์และพยาบาลจะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ซึ่งอาจจะต้องมีการเจาะเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุของการชัก ในบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจน้ำไขสันหลัง เพื่อตรวจหาว่าเด็กมีภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือไม่ ซึ่งภาวะนี้สามารถทำให้เกิด อันตรายต่อสมองได้
แต่ถ้าผลการตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมแล้ว แพทย์ให้การวินิจฉัยว่า ลูกของท่านเป็นเพียงภาวะชักจากไข้ ก็ขอให้พ่อแม่สบายใจได้ระดับหนึ่งว่า ถึงแม้อาการชักจะดูน่ากลัว แต่การพยากรณ์โรคของภาวะนี้นั้นดีมาก กล่าวคือเด็กส่วนใหญ่หลังจากมีอาการชักจะมีระดับสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กปกติ และมักไม่พบความผิดปกติทางด้านอารมณ์หรือพฤติกรรม จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยากันชักเพื่อรักษาภาวะนี้
ที่มา : เว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต