เมาไม่ขับเปิดโครงการปีใหม่ตายเป็น 0

 

มูลนิธิเมาไม่ขับเตรียมเปิดโครงการ “ปีใหม่ตายเป็นศูนย์” ดึงทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน และภาคประชาชน ร่วมผนึกกำลังลดการตายจากอุบัติเหตุทางถนนช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ให้ได้มากที่สุด ชี้ตั้งเป้าลดเจ็บ-ตาย 5% ที่ผ่านมาไม่ได้ผล
 
เมาไม่ขับ
 
 
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ จะเปิดตัวโครงการ “ปีใหม่ตายเป็นศูนย์” ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานโครงการ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะมีขบวนคาราวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ตายเป็นศูนย์ ประกอบด้วย เหยื่อเมาแล้วขับ 9 คน อาสาสมัครขี่รถจักรยานยนต์จากตึกสันติไมตรีไปยังพื้นที่ 25 จังหวัดครอบคลุม 4 ภาค ระยะทาง 5,000 กิโลเมตร เพื่อรณรงค์ให้ลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนนทุกรูปแบบ
 
พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ เมาไม่ขับยังจัดทำถุงยังชีพปีใหม่ตายเป็นศูนย์ ในถุงยังชีพประกอบด้วย สติ๊กเกอร์หลวงพ่อคูณ พร้อมลายมือ ข้อความ เมาไม่ขับเด้อ ปลุกเสกแล้วจำนวน 9 ใบ สติ๊กเกอร์เมาไม่ขับ แผ่นพับเมาไม่ขับพร้อมเบอร์ฉุกเฉิน ผ้าเย็น ผ้าคนห่วงหัว เสื้อยืดเมาไม่ขับ และบัตรตรวจความเมาก่อนขับรถ เพื่อให้ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ตรวจก่อนจะขับรถ
 
นพ.แท้จริง กล่าวว่า ในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2554 มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง 358 ราย บาดเจ็บ 3,497 ราย เฉลี่ยใน 1 ชั่วโมงจะมีคนไทยเสียชีวิต 14 คน หรือวันละ 51 คน และบาดเจ็บชั่วโมงละ 145 คน หรือวันละ 497 คน ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้ใช้ยุทธศาสตร์ในการทำงานด้วยการตั้งเป้าลดตัวเลขผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บในช่วง 7 วันอันตรายจากเทศกาลปีใหม่ ให้ได้ร้อยละ 5 ของยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บในแต่ละปี แต่มูลนิธิเมาไม่ขับเห็นว่าแผนงานดังกล่าวได้ทำติดต่อกันมาหลายปีแล้ว จึงมีแนวคิดใหม่ว่า ในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2555 ขอเชิญชวนภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมมือกันทำโครงการปีใหม่ตายเป็นศูนย์ โดยรูปแบบการดำเนินโครงการจะเป็นการผนึกพลังความร่วมมือทำทุกวิถีทางให้ปีใหม่ 2555 มีสถิติเสียชีวิตเป็นศูนย์ โดยเริ่มจากสถาบันครอบครัว หน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ฯลฯ กำหนดตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของบุคลากรในองค์กรต้องเป็นศูนย์ แม้ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้ยาก แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้มีคนตายจำนวนมากโดยไม่ทำอะไรเลย 
 
 
 
 
 
 
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Shares:
QR Code :
QR Code