เมนูลูกรักสร้างสรรค์วันปิดเทอม

อาหารทั้ง 3 มื้อ มีความสำคัญเท่ากันหมด หากแต่อาหารมื้อเช้าจะมีความพิเศษตรงที่เป็นอาหารมื้อแรกของวันโดยเฉพาะของเด็กๆ ในวัยเรียนที่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากอาหารมื้อเช้า แต่อย่างที่ทราบกันว่า วิถีชีวิตที่เร่งรีบในยามเช้าทำให้อาหารมื้อเช้าถูกลดความสำคัญลงไป

ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงจัดค่าย Sook Kiddy Family Camp ตอน We love cooking ชวนครอบครัวมาทำอาหารด้วยเมนูง่ายๆ ประหยัดเวลา และอุดมไปด้วยสารอาหาร

น.ส.รุจิรา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สนามความรู้จำกัด เล่าว่า สสส. ได้รณรงค์เรื่องการกินอาหารครบ 5 หมู่ 5 สี และ 5 ทัพพี นอกจากนี้ยังสนับสนุนเรื่องการกินอาหารเช้าด้วยครอบครัวส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ แต่ก็ยังไม่ได้ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของเวลาที่เร่งรีบ และเน้นความสะดวกเป็นหลัก

"การจัดค่ายครั้งนี้นอกจากจะบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า อาหารเช้ามีความสำคัญกับลูกมากแค่ไหน เราได้นำเสนอแนวทางแก้ไขด้วยเมนูอาหารที่มีประโยชน์ง่ายๆ สามารถทำให้ภายในเวลาแค่ 10 นาที ส่วนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ให้คุณพ่อ คุณแม่หันมาทำอาหารเช้านั้นต้องไม่ใช่เรื่องยาก และต้องปรับเข้ากับวิถีชีวิตประจำวันได้ ซึ่งกลยุทธ์ที่จะทำให้เด็กๆ รักการทำอาหารนั้นต้องทำให้เด็กมีส่วนร่วม จึงจะเกิดความภาคภูมิใจและรู้สึกอยากกินอาหาร" น.ส.รุจิรา บอกเพิ่มเติม

ด้าน เชฟอาร์ม นายกรวิทย์ สักแกแก้ว วิทยากรด้านโภชนาการอาหาร ได้สอนทำอาหารเช้าง่ายๆ มีประโยชน์และปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ด้วยเมนู "ข้าวปั้นวันเร่งรีบ" ที่มีส่วนผสมประกอบเป็น 1.ข้าวสวย 2 ถ้วยตวง 2. ผักสามสี 1/2 ถ้วยตรง 3. ปูอัดหั่นชิ้น เล็ก 4 ชิ้น 4. ไข่ต้ม 2 ฟอง 5. ปลากรอบบดหยาบ 5 ช้อนโต๊ะ 6. เมล็ดทานตะวัน บดหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ 7. งาขาว 1 ช้อนชา 8. สาหร่ายตัดชิ้นเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ 9. น้ำตาลทราบ 1 ช้อนชา 10. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา และ 11. ผงกระเทียม 1/4 ช้อนชา

เชฟอาร์ม อธิบายวิธีการทำโดยเริ่มจาก 1. ผสมน้ำตาล เกลือป่น และผงกระเทียมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ปลากรอบเม็ดทานตะวัน งาขาวและสาหร่าย ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง 2. นำข้าวสวย ผักสามสี และปูอัด ผสมรวมกันก่อน จากนั้นนำผงโรยข้าวที่เตรียมไว้ ผสมรวมกับส่วนผสมให้เข้ากัน 3. ตักส่วนผสมลงพิมพ์กด หรือ จะปั้นตามขนาดที่ต้องการ จัดรับประทานกับไข่ต้ม เมนูนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถเตรียมส่วนผสมไว้ตั้งแต่ช่วงเย็น แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้เพื่อเตรียมทำในตอนเช้าได้ด้วย

สำหรับ ครอบครัว น้องขนมจีน ด.ญ.คุณิตา ปรงเกษม อายุ 8 ขวบ ที่มาร่วมกิจกรรมเล่าว่า ทางครอบครัวได้ทำอาหารรับประทานกันในครอบครัวอยู่แล้วเทคนิคในการให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำอาหารคือ การให้ลูกทำในสิ่งที่อยากทำ

"กิจกรรมทำอาหารในค่ายนี้ สนุกและน่าสนใจมาก ให้น้องฝึกทำอาหารเองได้ และเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่ายๆ เวลาอยู่บ้านก็จะให้ลูกได้ฝึกเป็นลูกมือช่วยทำกับข้าว แต่จะระวังและให้คำแนะนำเรื่องการใช้มีด หรือของมีคมด้วย"

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมกับทางศูนย์รู้สุขภาวะ สสส. สามารถติดตามได้ที่ www.thaihealthcenter.org 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์