เพิ่มสิทธิตรวจยีนฟรี “ผู้ป่วยลมชัก” ป้องกันแพ้ยา

ที่มา : MGR Online


เพิ่มสิทธิตรวจยีนฟรี


แฟ้มภาพ


สธ.แถลงมอบ 3 ของขวัญปีใหม่คนไทย จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแลสุขภาพประชาชน 878 อำเภอทั่วประเทศ และ กทม. ช่วง ธ.ค. – ม.ค.นี้ เพิ่มสิทธิบัตรทอง "ผู้ป่วยลมชัก" ตววจยีนแพ้ยาฟรี ป้องกันแพ้ยารุนแรงจนเสียชีวิต จ่อประสาน 2 กองทุนสุขภาพ เพิ่มสิทธิในอนาคต พร้อมทำบัตรสมาร์ทการ์ด อสม. 1 ล้านคนทั่วประเทศ


นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัญมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าว “สธ.มอบของขวัญปีใหม่ เพื่อคนไทย ปี 2562” ว่า ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนจะเน้นให้ประชาชนมีสุขภาพดี การสร้างสุขภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะพื้นที่ฟ่างไกลทุรกันดาร โดยของขวัญปีใหม่ที่ดำเนินการมีทั้งหมด 3 เรื่อง คือ 1.การจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแลสุขภาพประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะออกให้บริการ 878 อำเภอทั่วประเทศ รวมทั้ง กทม. จะมีการตรวจทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต ตรวจดวงตา และทันตกรรม แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 11 – 24 ธ.ค.2561 และ 7 – 20 ม.ค. 2562


นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า 2.ผู้ป่วยโรคลมชัก ซึ่งจะมียากันชัก "คาร์บามาซีปีน" แต่ที่ผ่านมามักพบอาการแพ้ยาอย่างรุนแรงชนิดกลุ่มสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม และท็อกซิก อีพิเดอร์มัล เนโครไลซิส ทำให้เกิดการหลุดลอกของผิวหนังและเยื่อเมือกบุอวัยวะภายใน โดยปี 2545 – 2554 มีรายงานผู้ป่วยแพ้ยารุนแรงจากยานี้ 160-180 คน เสียชีวิตปีละกว่า 10 คน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง ให้ผู้ป่วยโรคลมชักได้รับการตรวจยีนแพ้ยาก่อนได้รับยาดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจยีนแพ้ยามีราคาแพงมาก ต้องส่งตรวจต่างประเทศราคาประมาณ 2-3 พันบาท แต่จากการที่กรมวิทย์ สามารถพัฒนาการตรวจได้ด้วยฝีมือคนไทย ทำให้ค่าตรวจเหลือเพียง 100 กว่าบาท ช่วยประหยัดงบประมาณได้หลายร้อยล้านบาท และคนไทยเข้าถึงมากขึ้น คาดว่าปี 2562 จะมีผู้ป่วยได้รับการตรวจยีนแพ้ยา 29,534 ราย ใช้งบในการตรวจ 29.53 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยในสิทธิประกันสังคมและข้าราชการ ก็จะดำเนินการตรวจฟรีเช่นกัน แต่กรมวิทย์จะรองรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ แต่อนาคตคงรองรับทั้งหมดไม่ได้ จึงจะประสานกับทั้ง 2 กองทุน เพื่อบรรจุเป้นสิทธิประโยชน์เช่นกัน


นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า และ 3.การจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด อสม. โดยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ซึ่งจะโอนเงินค่าป่วยการผ่านระบบ e-Payment เข้าบัญชีธนาคารของ อสม.ที่มีกว่า 1 ล้านคน จำนวน 1,000 บาท ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่ได้รับ 600 บาท เนื่องจากภาระงานที่เพิ่มขึ้นและไม่ได้เพิ่มค่าป่วยการมานานกว่า 10 ปี ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้แก่ อสม. เพราะนอกจากจะเป้นบัตรประจำตัวแล้ว ยังเป็นบัตรเดบิตกดเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม ทุกธนาคารโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ชำระสินค้าและบริการต่างๆ ตามที่กำหนด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำบัตรหรือค่าบริการใช้บัตร โดยระยะแรกจพทำบัตรให้ อสม.ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2561 ในพื้นที่ 12 เขต เขตละ 1 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุทัยธานี นนทบุรี เพชรบุรี สระแก้ว ขอนแก่น บึงกาฬ ชัยภูมิ อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี และสงขลา และระยะที่ 2 ครอบคลุม 64 จังหวัดที่เหลือ ภายในวันที่ 20 มี.ค. 2562 ซึ่งบัตรจะเชื่อมโยงกับระบบไลน์ @smart อสม.ด้วย เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลความรู้สุขภาพให้แก่ อสม.นำไปดูแลประชาชนในพื้นที่

Shares:
QR Code :
QR Code