“เพลงขอทานกระยาสารท” วิถีถิ่นของคนคลองลัดมะยม
ด้วยทำนองที่สนุกสนาน บวกกับเนื้อร้องที่ทันยุคทันสมัย ล้อกับกระแสสังคม ทำให้ “เพลงขอทานกระยาสารท” ยังคงเป็นการละเล่นที่แสดงถึงวิถีถิ่นของคนในชุมชนคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน กทม. ถึงปัจจุบัน และเพื่อไม่ให้สูญหายโครงการ “สร้างกระบวนการเรียนรู้เพลงขอทานกระยาสารท” ภายใต้การสนับสนุนโดยแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. จึงเกิดขึ้น
“กระยาสารท” คืออาหารที่ทำกันในฤดูสารท เป็นขนมที่เกิดจากภูมิปัญญาของเกษตรกรไทย ซึ่งส่วนผสมจะมีข้าวตอก ข้าวเม่า ถั่วลิสง งา นำไปคั่วให้สุก แล้วนำมากวนกับน้ำอ้อย จนกว่าจะเหนียวกรอบเกาะกันเป็นปึก สามารถปั้นเป็นก้อนหรือตัดเป็นชิ้นๆ ก็ได้
ขนมกระยาสารท เป็นขนมที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชน ที่จะเตรียมกระยาสารทในวันแรม 14 ค่ำเดือน 10 เพื่อนำไปถวายพระในเช้าวันรุ่งขึ้น (แรม 15 ค่ำเดือน 10) หรือที่เรียกกันว่า การทำบุญวันสารทเดือนสิบ เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยระหว่างคืนแห่งการร่วมมือร่วมใจนั้น ก็มีการละเล่นที่สร้างความสนุกสนานอย่าง “เพลงขอทานกระยาสารท” ซ่อนอยู่
เพลงขอทานกระยาสารท มีมานานตั้งแต่สมัยปู่ ยา ตา ยาย ซึ่งความสนุกสนานของการเล่นเพลงขอทานกระยาสารทนั้นอยู่ที่การปลอมตัวเป็นขอทานพายเรือไปตามบ้านญาติพี่น้อง หรือคนรู้ชอบพอกัน ไปตามเส้นทางคลองสายต่างๆ แล้วร้องเพลงขอทาน โดยไม่ให้ฝ่ายที่เป็นเจ้าของบ้านจำได้ เพื่อขอขนมกระยาสารทไปร่วมในการทำบุญวันสารทเดือนสิบ ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมของชุมชนบางชุมชนไปเลย โดยในเนื้อเพลงก็ยังบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ มากมายของคนในชุมชนลัดมะยมอีกด้วย
ซึ่งนายวุฒินันท์ สีดีจริง ผู้นำกลุ่มขับร้องเพลงขอทานกระยาสารท บอกว่า เพลงขอทานกระยาสารทสมัยนี้ก็ไม่ค่อยเหมือนยุคก่อนนัก มีการดัดแปลงเพื่อให้เกิดความสนุกสนานและไม่น่าเบื่อ แต่เนื้อหายังแสดงถึงวีถีชีวิตของคนในชุมชนคลองลัดมะยมในแต่ละยุคแต่ละสมัยเช่นเดิม
และในช่วงค่ำของวันแรม 14 ค่ำเดือน10 จะมีการขับขานเพลงขอทานกระยาสารท แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้วัฒนธรรมดั้งเดิมนั้นเริ่มเลือนหายไปแล้ว ทางโครงการ “สร้างกระบวนการเรียนรู้เพลงขอทานกระยาสารท” จึงได้ทำโครงการนี้เพื่อรื้อฟื้น เพลงขอทานกระยาสารท ขึ้นมาให้คนรุ่นหลังภาคภูมิใจกับเรื่องราวดีดีที่คลองลัดมะยมมีอีกครั้ง ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถความเคลื่อนไหวของการจัดกิจกรรมได้ที่ www.artculture4health.com
ที่มา : แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส.