เฝ้าระวังโรค “เมอร์ส-โควี” กลุ่มกลับแสวงบุญ
สธ.เฝ้าระวังโรคเมอร์ส-โควี หรือโคโรน่า ไวรัสสายพันธุ์ 2012 เน้นกลุ่มที่เดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง แนะหลังเดินทางกลับภายใน 14 วัน ถ้ามีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง ขณะนี้ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ สธ.กำลังเฝ้าระวังโรคเมอร์ส-โควี หรือโคโรน่า ไวรัสสายพันธุ์ 2012 ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินลมหายใจที่มีอันตรายใกล้เคียงกับโรคซาร์ส มีพื้นที่ระบาดอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง และบางประเทศในยุโรป แม้ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศไทยก็ตาม แต่มีความเสี่ยงอาจพบผู้ติดเชื้อได้จากการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศตะวันออกกลาง โดยได้จัดระบบการเฝ้าระวัง 2 ระดับ ได้แก่ 1.ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งในและนอกสังกัด โรงพยาบาลเอกชน เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคนี้ ควบคู่กับโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก ให้เคร่งครัดมาตรการป้องกัน ควบคุมการติดเชื้อเป็นกรณีพิเศษในระดับสูงสุดเช่นเดียวกับการป้องกันโรคซาร์ส โดยได้จัดทำคู่มือแนวทางการดูแลรักษาการป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล แจกให้กับโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศแล้ว
2.จัดระบบการเฝ้าระวังในชุมชน โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. และเพิ่ม อสม.ฮัจญ์ เพื่อติดตามอาการป่วยชาวไทยมุสลิมที่เดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลางหลังเดินทางไปแสวงบุญเป็นเวลา 14 วัน หากพบผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง ให้แจ้งสำนักระบาดวิทยาทันที เพื่อเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังและป้องกัน ควบคุมโรคตามมาตรฐานที่กำหนด
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2557 ศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งยุโรป (European Centre for Disease Prevention and Control) รายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 815 ราย เสียชีวิต 313 ราย ใน 21 ประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ จอร์แดน โอมาน คูเวต อียิปต์ เยเมน เป็นต้น สำหรับประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยัน แต่ยังมีความเสี่ยงจากผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญในประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ ซึ่งในปี 2557 นี้ มีชาวไทยมุสลิมเดินทางไปแสวงบุญ จำนวน 10,340 คน กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมแพทย์ พยาบาล นักระบาดวิทยา และบุคลากรอื่นๆ เดินทางไปให้การดูแลรักษาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยตั้งหน่วยพยาบาลอยู่ที่เมืองเมกกะ และหน่วยมาดีนะห์ ให้บริการดูแลรักษาพยาบาลจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธี
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า รายงานผลการให้บริการ มีผู้ป่วยนอกเฉลี่ยวันละ 100 ราย ผู้ป่วยในเฉลี่ยวันละ 1-2 ราย รวมสถิติผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่หน่วยพยาบาลทั้ง 2 หน่วย ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.19 ก.ย.2557 ผู้ป่วยนอก 2,440 ราย ส่วนใหญ่เพศชาย ผู้ป่วยใน จำนวน 28 ราย ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลประเทศซาอุดีอาระเบีย 18 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคประจำตัวกำเริบ เช่น โรคหัวใจ ไม่มีผู้เสียชีวิต การเจ็บป่วยที่มารับการรักษา ส่วนใหญ่ร้อยละ 57.56 เป็นไข้หวัด และคออักเสบ รองลงมาคือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และโรคกระเพาะอาหาร
"หลังเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยภายใน 14 วัน หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน หรือมีอาการไข้สูง หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ขอให้ไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศด้วย หรือโทร.ปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
ที่มา : เว็บไซต์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต