เฝ้าระวังเด็กป่วยไข้เลือดออก
ที่มา : กรมควบคุมโรค
เเฟ้มภาพ
สคร.7 ขอนแก่น เฝ้าระวังอาการไข้สูงลอยโดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 5-14 ปี หลังพบเสี่ยงป่วยไข้เลือดออกสูงสุด
จากระบบรายงานการเฝ้าระวังโรค 506 กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ได้รายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก สะสม 35,450 ราย มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต 26 ราย การกระจายการเกิดโรคไข้เลือดออกรายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอัตราป่วยสูงที่สุด รองลงมา คือภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ อัตราป่วยสูงสุดในอยู่กลุ่มอายุ 5-14 ปี รองลงมาได้แก่ อายุ 15-24 ปี และอายุ 0 – 4 ปี ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มอายุ45 – 54 ปี มีอัตราป่วยตายสูงที่สุด โดยพบปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยเสียชีวิต ได้แก่ มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน รวมทั้งการรับประทานยาต้านการอักเสบในกลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) และผู้ป่วยเข้ารับการรักษาช้า
นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น แสดงความเป็นห่วงประชาชนโดยเฉพาะช่วงหลังที่มีฝนตกชุกในทุกพื้นที่ เป็นเหตุให้มีแหล่งสะสมน้ำขังตามภาชนะทั้งบริเวณบ้านและชุมชน สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ พบว่า มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 1 สิงหาคม 2563 จำนวนทั้งสิ้น 4,981 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนให้เฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกต่อเนื่อง กำจัดลูกน้ำยุงลายด้วยมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” และหากมีไข้สูงลอย หน้าแดง มีจุดแดงตามแขน ขา ลำตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ขอให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้ทันเวลา ที่สำคัญและต้องการเน้นย้ำคือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ตามแหล่งที่มีน้ำขังนิ่งอยู่ตามภาชนะต่างๆ เช่น ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ ยางรถยนต์เก่า กระถางต้นไม้ แก้วน้ำ น้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง แจกัน เศษขยะ วัสดุเหล่านี้จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลายเป็นอย่างดี ทำให้ยุงลายแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว และเพิ่มจำนวนมากขึ้น เมื่อยุงลายเพิ่มมากขึ้น การระบาดของโรคที่มียุงลายเป็นพาหะโดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน และต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน เพื่อป้องกัน 3 โรคที่มียุงลายเป็นพาหะ ได้แก่ไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย
นอกจากนี้ ต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการของโรคไข้เลือดออก หากมีคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดมีอาการไข้สูงลอย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ใบหน้าหรือผิวหนังมีจุดแดง อาเจียน ปวดท้อง ขอให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้ทันเวลา และห้ามรับประทานยายาต้านการอักเสบในกลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายขึ้นทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจะมีเกล็ดเลือดที่ต่ำอยู่แล้ว เมื่อรับประทานยากลุ่มนี้เข้าไปจะทำให้เกิดอาการช็อกและอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422