เฝ้าระวังอาหิวาตกโรค พบสายพันธุ์ Hikojima ดื้อยา 100%

กรมควบคุมโรคคาด อหิวาตกโรคระบาดหนักแน่ปีนี้ กรมวิทย์เร่งเฝ้าระวังการดื้อยาของเชื้อ หวังป้องกันการแพร่ระบาด พบสายพันธุ์ hikojima ดื้อยาต้านจุลชีพโคไตรม็อกซาโซล และ เตตราไซคลีน 100% แต่เป็นสายพันธุ์ที่พบน้อยในไทย แนะล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงหรือรับประทานอาหาร      

น.พ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากรายงานการพยากรณ์อหิวาตกโรค ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2556 จะมีการระบาดใหญ่ เนื่องจากการระบาดของโรคจะเป็นลักษณะเกิดโรค 1 ปี เว้น 2 ปี โดยเกิดระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในปี 2547, 2550 และ 2553 ตามลำดับ โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีผู้ป่วยอหิวาตกโรคไม่เกิน 1,000 รายต่อปี

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการเฝ้าระวังการดื้อยาของเชื้ออหิวาตกโรคทางห้องปฏิบัติการ โดยทดสอบความไวของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพ 6 ชนิด คือ แอมพิซิลลิน (ampicillin), คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol), ไซโปรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin), โคไตรม็อกซาโซล (co-trimoxazole), นอร์ฟล็อกซาซิน (norfloxacin) และเตตราไซคลีน (tetracycline) ซึ่งได้ดำเนินการทวนสอบข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี คือ ปี พ.ศ.2553-2555 พบว่าเชื้อ vibrio cholerae o1, el tor, ogawa ดื้อยาโคไตรม็อกซาโซล (co-trimoxazole) ร้อยละ 97.7 และเตตราไซคลีน (tetracycline) ร้อยละ 94.7 เชื้อ vibrio cholerae o1, el tor, inaba ดื้อยาโคไตรม็อกซาโซล (co-trimoxazole) ร้อยละ 99.1 เชื้อ vibrio cholerae o1, el tor, hikojima ดื้อยาโคไตรม็อกซาโซล (co-trimoxazole) และเตตราไซคลีน (tetracycline) ร้อยละ 100 ส่วน vibrio cholerae o139 ไม่ดื้อยาที่ทดสอบ      

“เชื้อ vibrio cholerae o1, el tor, hikojima ในประเทศไทยพบน้อยมาก ดังนั้น ขอแนะนำสถานพยาบาลว่า ก่อนที่จะพิจารณาเลือกชนิดของยาปฏิชีวนะในการรักษา ควรใช้ข้อมูลเฝ้าระวังการดื้อยาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อดื้อยา ซึ่งปัจจุบันการเลือกใช้ยาที่เหมาะสมในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะช่วยลดระยะอาการของโรคให้สั้นลง ลดการสูญเสียน้ำ ตลอดจนลดระยะเวลาของการแพร่กระจายเชื้ออีกด้วย” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว

น.พ.สมชาย แสงกิจพร ผอ.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กล่าวว่า อาการของอหิวาตกโรคมีทั้งไม่แสดงอาการจนถึงอาการรุนแรง ดังนั้นหากพบผู้ป่วยต้องรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยการให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อแก้ไขภาวะเลือดเป็นกรดและภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำ สำหรับแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะนั้น ในเด็กให้ doxycycline 5 มล./กก./วัน หรือ norfloxacin หรือ ciprofloxacin 10-20 มก./กก./วัน นาน 5 วัน ส่วนผู้ใหญ่ให้ doxycycline ครั้งละ 100 มก.หรือ norfloxacin ครั้งละ 400 มก. หรือ ciprofloxacin ครั้งละ 500 มก.วันละ 2 ครั้ง นาน 3 วัน หรือ tetracycline ครั้งละ 500 มก.วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอหิวาตกโรค ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงหรือรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารทะเลดิบหรือสุกๆดิบๆ และที่สำคัญควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ

 

 

ที่มา : เว็บไซต์ astv ผู้จัดการออนไลน์

Shares:
QR Code :
QR Code