เผยโจ๋ไทยฮิตเล่นบล็อก ภัยออนไลน์พุ่ง

ชี้เป็นแหล่งยั่วยุ เสี่ยงถูกหลอกลวง

 เผยโจ๋ไทยฮิตเล่นบล็อก ภัยออนไลน์พุ่ง

                เนคเทคเผยคนไทยฮิตเล่นเว็บบล็อก สร้างไดอารีส่วนตัว ชี้ hi5 เว็บยอดนิยม รับภัยออนไลน์พุ่งตามตัว ทั้งหลอกลวง ยั่วยุทางเพศ เตือนชาวเน็ตถูกละเมิดข้อมูลส่วนตัวเพิ่ม

 

                นางชฎามาศ  ธุวะเศรษฐกุล  รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้สังคมออนไลน์ (social networking) พบว่า ในขณะนี้คนไทยมีการใช้งานเว็บไซต์ในลักษณะเครือข่ายสังคมมากขึ้น โดยจากการกลุ่มตัวอย่างพบว่า กว่า 69.7% มีบล็อกและไดอารีออนไลน์เป็นของตัวเอง   ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่เป็นการค้นหาข้อมูล 49.1% เขียนบันทึก/บทความ 23.4% แสดงความเป็นตัวตน 18.1%

 

                ขณะเดียวกันกิจกรรมที่ทำระหว่างกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกันบนอินเทอร์เน็ต  พบว่า ส่วนใหญ่ใช้งานแลกเปลี่ยนข้อมูล  63.7%  แลกเปลี่ยนรูปภาพ/คลิปวิดีโอ  59.1% เรียนออนไลน์ 36.7% และหาเพื่อน 35.6% โดยเว็บไซต์ยอดนิยมได้แก่ hi5, wikipedia, you tube, my space ซึ่งส่วนใหญ่ใช้บริการ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์

 

                ทั้งนี้  การที่คนไทยใช้งานเว็บไซต์สังคมออนไลน์มากขึ้น  มีทั้งผลดีและผลเสีย โดยผลดี คือ เป็นแหล่งข้อมูลความรู้  และที่แสดงความคิดเห็นได้อิสระ และมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น แต่ก็มีผลเสีย คือ ทำให้มีการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น เป็นแหล่งยั่วยุทางเพศ และการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลอื่นลดลง

 

                “เนคเทคจะนำผลการศึกษาไปชี้แจงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เพื่อหาทางรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป  เพราะในการสำรวจพบว่า  กลุ่มตัวอย่างกว่า  72.7% ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการกำกับดูแลสังคมออนไลน์อย่างจริงจัง” นางชฎามาศกล่าว

 

                นางภูมิจิต ศิระวงศ์ประเสริฐ ประธานชมรมผู้ประกอบการธุรกิจโฮสดิ้ง กล่าวว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีที่รวดเร็วมีผลกระทบต่อสังคมไทยค่อนข้างมาก  โดยเฉพาะการกระจายของสื่อที่ไม่เหมาะสม เช่น คลิปวิดีโอโป๊หรือการพนัน ซึ่งเมื่อเข้าระบบของสังคมออนไลน์แล้วจะยากต่อการควบคุม หรือแม้กระทั่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกละเมิดมาก  โดยผู้ใช้ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้  จึงอยากขอให้ผู้เกี่ยวข้องร่วมกันสอดส่องและช่วยกันดูแล เพื่อดูแลลูกหลานให้พ้นจากภัยเทคโนโลยี

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

 

update 13-10-51

Shares:
QR Code :
QR Code