เผยหญิงคลอดก่อนกำหนดติดหวัดจาก รพ.

 เผยหญิงคลอดก่อนกำหนดติดหวัดจาก รพ.

       สามีหญิงคลอดก่อนกำหนด จ.ราชบุรี คาดภรรยาติดเชื้อหวัดใหญ่จาก รพ. หลังเยี่ยมลูกชาย ด้านแพทย์เผยอาการลูกดีขึ้น แม่ยังน่าห่วง ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ เตือนหญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง สวมหน้ากาก แพทย์ชี้แม่มีโอกาสเสี่ยงถ่ายทอดเชื้อไวรัสหวัดสู่ลูกได้ แต่ไม่ทุกราย ย้ำต้องศึกษาอย่างละเอียด

 

       วันที่ 27 กรกฎาคม ที่ตึกนวมินทร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายจินดา เปียถนอม อายุ 38 ปี สามีของผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์และป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และติดเชื้อไปสู่ลูก ได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ป่วยซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยหนัก และยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากยังมีอาการปอดบวมอยู่

      

       นายมานิต กล่าวว่า ได้เดินทางไปเยี่ยมทารกแรกเกิดเพศหญิง ที่เกิดจากหญิงคนดังกล่าวเมื่อช่วงที่ผ่านมา พบว่า อาการดีขึ้น เด็กสามารถขยับแขนขาได้ น้ำหนักขึ้น 20 กรัม และจากการตรวจเชื้ออีกครั้ง เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว แต่เนื่องจากคลอดก่อนกำหนด จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง

 

       นอกจากนี้ พบว่า ที่ จ.ราชบุรี มีรายงานผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีก 1 ราย แต่มาพบแพทย์เร็วได้รับยาต้านไวรัสทันที ทำให้ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือด้วยการผ่าตัดคลอดก่อนกำหนด

      

       นายมานิต กล่าวต่อว่า จากการสันนิษฐานการติดเชื้อในครรภ์มารดา เบื้องต้นมี 3 ช่องทาง คือ เลือด รก และ น้ำคร่ำ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ รพ.ราชบุรี ส่งประวัติการรักษาของรายดังกล่าวให้กุมารแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาต่อ ว่า ลักษณะของโรคเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งให้การดูแลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจจะเกิดอาการรุนแรง และขอให้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัด และหากจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน โดยเฉพาะในที่ชุมนุมคนต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อ

      

       ด้าน รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ กล่าวว่า ผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการยังทรงตัว ชีพจรและความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งผลการตรวจเชื้อซ้ำ ไม่พบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้ว และได้รับยาต้านไวรัสครบชุดการรักษาแล้ว แต่ยังมีอาการปอดอักเสบ เพราะมีการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรงซ้ำที่ปอด ซึ่งผลเอกซเรย์ปอดล่าสุดยังไม่ดีขึ้น แพทย์ต้องให้ยาปฏิชีวนะเต็มที่ และให้ยานอนหลับควบคู่ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต่อต้านเครื่องช่วยหายใจ โดยต้องรอดูอาการอีก 2 วัน จึงจะสามารถประเมินอาการได้อีกครั้ง ทั้งนี้ บุตรของหญิงรายนี้ ไม่จำเป็นต้องส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เนื่องจากแม้มีอาการหนัก แต่ไม่เกินความสามารถของ รพ.ราชบุรี

      

       การติดเชื้อสันนิษฐานว่า อาจมาจาก 2 ทาง คือ รกกับน้ำคร่ำ ซึ่งรายดังกล่าวมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อมาจากน้ำคร่ำ เพราะเด็กที่อยู่ในครรภ์จะมีการกลืนน้ำคร่ำเป็นปกติ และจะปัสสาวะออกมาวนเวียนอยู่ในน้ำคร่ำ จากข้อมูลทางการแพทย์มีการศึกษาวิจัย พบว่า ในน้ำคร่ำมีไวรัสปะปนอยู่ และมีโอกาสติดต่อสู่เด็กในครรภ์ได้ แต่เป็นโรคอื่นๆ ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากเป็นโรคใหม่จึงยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่ชัดเจน รวมถึงไม่มีข้อมูลทางวิชาการ ว่า มีการติดเชื้อของไข้หวัดปกติด้วยรศ.นพ.อดิศร กล่าว

      

       รศ.นพ.ธีรพงศ์ เจริญวิทย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ และหัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ กล่าวว่า การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จากครรภ์มารดา ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างละเอียดต่อไป ไม่สามารถสรุปได้ว่าหญิงตั้งครรภ์ทุกรายจะถ่ายทอดเชื้อไวรัสไปยังลูกได้ เพียงแต่มีโอกาสเสี่ยงแต่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกราย ซึ่งตามปกติหญิงตั้งครรภ์จะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว และยังพบว่า กรณีที่แม่มีไข้สูง ไม่จำเป็นต้องไอจาม ก็อาจส่งผลต่อระบบสมองของลูกได้ ทั้งนี้ ช่องทางในการติดเชื้อยังไม่มีหลักฐานที่เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าติดจากไหน อาจเป็นไปได้ว่าเกิดพร้อมกัน คือ ทางน้ำคร่ำ และทางเลือด

      

       ขณะนี้กรณีการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ยังพบรายงานน้อยมาก โดยพบว่าในประเทศอเมริกา มีรายงานการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์เพียง 3 รายเท่านั้น จึงต้องทำการศึกษาต่อ เพื่อให้ทราบลักษณะของการติดเชื้อต่อไป โดยข้อมูลทั้งหมดได้ส่งให้กระทรวงสาธารณสุขและเชื่อว่าคงมีการส่งต่อเพื่อทำการศึกษาร่วมกันกับองค์การอนามัยโลกต่อไปรศ.นพ.ธีรพงศ์ กล่าว

      

       ขณะที่ นายจินดา สามีของหญิงตั้งครรภ์รายดังกล่าว กล่าวว่า คาดว่าภรรยาจะติดเชื้อ เนื่องจากไปเฝ้าลูกชายอีกคนที่โรงพยาบาล แต่ลูกชายตนไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ จึงคาดว่า เป็นเพราะภรรยาไม่ได้สวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล เมื่อเริ่มมีไข้ได้พาไปรักษาที่คลินิกแพทย์ฉีดยาให้ 1 เข็ม วันถัดมาก็พบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น จึงเตรียมพาไปโรงพยาบาล แต่อาการได้ทรุดหนักอย่างรวดเร็ว มีอาการหอบ หายใจไม่ออก ซึ่งภรรยาไม่มีโรคประจำตัวอื่น นอกจากอ้วนมีน้ำหนักตัว 115 กิโลกรัม ขณะนี้อยากให้ปาฏิหาริย์ให้ภรรยาและลูกหายไวๆ ซึ่งตั้งชื่อลูกสาวไว้ว่า ด.ญ.ภิรมย์รัตน์ แต่ยังไม่มีชื่อเล่น

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

 

 

Update 28-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code