เป้าประชารัฐเพื่อสังคม เน้นผู้สูงวัย-คนพิการมีงานทำ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด 


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


เป้าประชารัฐเพื่อสังคม เน้นผู้สูงวัย-คนพิการมีงานทำ thaihealth


เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐให้ก้าวหน้าไปตามลำดับ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ครั้งที่ 1/2561 แล้วเมื่อเร็วๆ นี้


นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานอาวุโสหอการค้าไทย หัวหน้าทีมภาคเอกชน และ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ(สสส.) หัวหน้าทีมภาคประชาสังคม ผู้แทนหน่วยงานและองค์กร ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในประเด็น เร่งด่วน (5 Quick Win)


 ได้แก่ 1.การส่งเสริมการมีรายได้และมีงานทำของผู้พิการ 2.การส่งเสริม การมีรายได้และมีงานทำของผู้สูงอายุ 3.การออมเพื่อการเกษียณอายุ 4.ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัย และ 5.ความปลอดภัยทางถนน


พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า คณะทำงาน E6 สรุปความก้าวหน้านำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ซึ่งเน้นย้ำให้คณะ E6 ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิด ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างแท้จริง เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสังคมมาก โดยเฉพาะเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ ที่ต้องพัฒนาทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจควบคู่กันไป


ในปี 2561 นี้ต้องเป็นการขับเคลื่อนที่มีเป้าหมายชัดเจน ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ สามารถตอบได้ว่าประชาชนได้อะไรมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าไร มีการออมเพิ่มขึ้นหรือไม่ อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงกี่เปอร์เซ็นต์ สามารถตอบโจทย์ของรัฐบาลเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมและ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


สำหรับคณะทำงาน E6 เป็นกลไกสำคัญ เชื่อมความร่วมมือทุกภาคส่วน หากมีข้อติดขัดรัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนการแก้ไข โดยเฉพาะที่มีข้อเสนอให้ทบทวนคำสั่งกรมสรรพากร ที่ป.156/2561 เรื่องการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายจากการดำเนินการตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ซึ่งอาจส่งผลให้การจ้างงานเหมา ช่วงงานหรือ จ้างเหมาบริการคนพิการ เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น ตาม ม.35 ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้นั้น


"ในประเด็นนี้เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ได้มอบหมายให้หารือร่วมกับกรมสรรพากร เพื่อหาทางออกและกำหนดแนวทางที่ ส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการอย่างแท้จริง และ ฝากกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน พิจารณามาตรการและ ข้อเสนอเกี่ยวกับการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ด้วย" รมว.พม.กล่าว


ด้านนายอิสระกล่าวว่า คณะทำงานภายใต้คณะกรรมการด้านสานพลังประชารัฐ ทั้ง 12 คณะยังคงมีภารกิจที่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยจะประชุมทุกเดือนเพื่อติดตามผลการดำเนินงาน ตามแผนงานรวมถึงปัญหาอุปสรรค เพื่อรายงานความคืบหน้าต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ  เป็นประจำทุกเดือน


คณะทำงานทั้ง 12 คณะแบ่งกลุ่ม ตามภารกิจออกเป็น 3 กลุ่มงานคือ กลุ่มการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Thailand 4.0) 2.กลุ่มพัฒนาคุณภาพคน 3.กลุ่มลดความเหลื่อมล้ำ และ 1 คณะทำงานคือ คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคมทำหน้าที่ประสานความร่วมมือกับเครือข่าย ภาคประชาสังคม


ทั้งนี้แผนการดำเนินงานของคณะทำงาน ทั้ง 12 คณะจะเน้นแผนที่มีผลกระทบสูง ต่อเศรษฐกิจและสังคมและสามารถเห็นผลได้ภายใน 1 ปี


ขณะที่ ดร.สุปรีดากล่าวเสริมว่า คณะทำงานย่อยทั้ง 5 ประเด็นเร่งด่วนได้กำหนดเป้าหมาย และแนวทางสำคัญในการดำเนินงานในปี 2561 คือ


1.การส่งเสริมการมีรายได้และมีงานทำของผู้พิการ เน้นขับเคลื่อนให้เกิดการจ้างงาน ผู้พิการ ตามมาตรา 33 และ 35 ในหน่วยงาน ภาคเอกชน ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ให้ได้ 68,000 อัตรา หรือเพิ่มขึ้น 15,000 อัตรา ภายในปี 2561 โดยขอให้มีความชัดเจน และ แก้ไขข้อติดขัดต่างๆ เพื่อให้การลดหย่อนภาษีตามมาตรา 35 เป็นการส่งเสริมในการจ้างงานคนพิการ


2.การส่งเสริมการมีรายได้และมีงานทำของผู้สูงอายุ ทั้งแรงงานในระบบและนอกระบบ รวม 58,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 19,000 อัตรา ในปี 2561 เพื่อลดภาระการพึ่งพิง และสร้างงานในชุมชน ซึ่งมีประเด็นที่ต้องขอรับการสนับสนุน และสามารถจ้างงานผู้สูงอายุได้เกิน 15,000 บาท/เดือน เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีได้ ผู้สูงอายุสามารถสมัครเข้ากองทุนประกันสังคม เป็นต้น


3.การออมเพื่อการเกษียณอายุจะเร่งรัดการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินชดเชย เมื่อออก จากงานเนื่องจากการเกษียณอายุ


4.ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัย ตั้งเป้าจัดตั้งศูนย์กลางนวัตกรรมเครื่องมือสำหรับผู้สูงอายุตามภูมิภาคต่างๆ 5 ศูนย์ในปี 2561 รวมถึงสนับสนุนให้ภาคเอกชนดำเนินโครงการนำร่องพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย ซึ่งต้องการการสนับสนุนทั้งส่วนของการจัดสรรพื้นที่ชุมชนเมืองของการเคหะแห่งชาติ และกรมธนารักษ์เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชน หรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาลงทุนพัฒนา ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมถึง การปรับปรุงโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อ เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึง


และ 5.ความปลอดภัยทางถนน กำหนดให้ 55 องค์กรที่ร่วม MOU กำหนดมาตรการความปลอดภัยขององค์กรโดยตั้งเป้าการดำเนินงาน "10-5-0" ใน 3 จังหวัดที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก (EEC) ได้แก่ ระยอง ฉะเชิงเทราและชลบุรี คือ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ให้ได้ร้อยละ 10 ลดจำนวน ผู้เสียชีวิตตลอดปีให้ได้ร้อยละ 5 และ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตในหน่วยงานที่ร่วมเอ็มโอยูให้เป็น 0


นอกจากนี้ ในปี 2561 จะสนับสนุน ให้ภาคประชาสังคมเข้าไปมีส่วนร่วมใน 3 กลุ่มภารกิจงานให้มากยิ่งขึ้น เพื่อขยายผลความร่วมมือในการสร้างประโยชน์ต่อสังคม ในทุกมิติ

Shares:
QR Code :
QR Code