เปิด 8 เยาวชนทูตความดีปี 2 ร่วมเปลี่ยนอนาคตประเทศไทยด้วยพลังเยาวชน

เมื่อปีที่แล้ว (2554) เราคงเคยได้ยินชื่อโครงการ D Ambassador หรือโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนร่วมสร้างสรรค์ให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก โดยมีเยาวชนจาก 2,000 ทีมที่สนใจเข้าร่วม โดยปีนี้ (2555) โครงการทูตความดีฯ ได้ขับเคลื่อนต่อมาเป็นปีที่ 2 ภายใต้แนวคิด Imagine Thailand เปลี่ยนอนาคตประเทศไทยด้วยพลังเยาวชน มุ่งเน้นการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่อยู่คู่มายาวนานกับสังคม โดยการของสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และองค์กรภาคีสีขาวทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 150 แห่ง


เปิด 8 เยาวชน ทูตความดีปี 2


พร้อมเปิดตัวน้องๆ 8 เยาวชนที่กล้าทำดี ที่จะเข้าสู่ “บ้านความดี” กับภารกิจติวเข้มใน 12 วัน (15-26 มี.ค.55) กับ 3ภารกิจหลัก รู้ทันคอร์รัปชั่น เรียนรู้วิถีพอเพียง และเรียนรู้เรื่องการทูต จากผู้ทรงคุณวุฒิและศิลปินดาราชื่อดัง นำโดย พระอาจารย์ภาสกร ภูริวฑฺฒโน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล นิทรา กิติยากร  ณ อยุธยา (ไข่มุก) เป็นต้น สำหรับเยาวชนทั้ง 8 ประกอบด้วย ตัวแทนจาก 4 ภาค ภาคเหนือ คือนายฤทธิพันธุ์ วิจิตรพร จากเชียงใหม่ และ น.ส.ภัสวรรณ ลังกาวงษ์ จากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ ภาคใต้ ได้แก่ น.ส.ธวัลหทัย แสงงิ้ว น.ส.สุคัณญภา โพธิรักษ์ จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือนายปภังกร มีแก้ว และ น.ส.วัชราภรณ์ ถมจอหอ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และตัวแทนจากภาคกลาง ได้แก่ นายวิทิกรณ์ รังนกใต้ จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและนายทศพร ล้อเพชรรุ่งเรือง จากโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 กรุงเทพฯ


การขับเคลื่อนกำลังหลักสำคัญอย่าง นายดนัย จันทร์เจ้าฉายนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย บอกเล่าให้ฟังว่า จากโครงการในปีที่แล้วถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมาก เพราะหลายๆ คนที่เข้าสู่ซีซัน 2 ในครั้งนี้ก็เป็นผลพวงจากการร่วมกิจกรรมกับพี่ๆ จากโครงการในปี 1โดยปีที่แล้วมีโจทย์สำคัญอยู่ 3 เรื่องคือปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหายาเสพติด และปัญหาการท้องก่อนวัยอันควร แต่สำหรับปีนี้เรามุ่งเน้นไปที่เรื่องคอร์รัปชั่นเป็นหลักสำคัญ เพราะถือเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกกัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน ทั้งนี้ เด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 8 คน จะเข้าสู่บ้านความดี เพื่อเรียนรู้ พัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนที่จะมีการคัดเลือกให้เหลือเยาวชน 1 คนที่จะได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษาจำนวน 1 แสนบาท และทุนศึกษาต่อ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน 1 เดือน จากสถานีโทรทัศน์ไทย-จีน (TCCTV)


“นับจากนี้น้องๆ จะเข้าบ้านความดี ปลูกฝัง พัฒนา เปลี่ยนแปลงตัวเขา และหลังจากนั้นมีเวลาอีก 2 เดือนในการส่งต่อความดีในระดับจังหวัดและภูมิภาค และจะพิจารณาว่าเด็กคนใดมีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง คือการเป็นทูตเราไม่ได้แข่งที่ความดี แต่เราจะวัดที่น้องคนใดมีความสามารถเปลี่ยนตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม เพราะเราเน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการทูตความดีฯ และตัดสินตัวแทน 1 คน รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ เป็นตัวแทนประเทศไทย และขยายผลต่อในระดับประเทศอีก 1 ปี”  นายดนัยกล่าว


นายดนัย บอกอีกว่า โครงการทูตความดีฯ เปิดโอกาสให้กับเด็กไทยทุกคนทั้งที่อยู่ในและต่างประเทศ ทั้งที่เป็นเด็กด้อยโอกาสทางสังคม และเด็กปกติทั่วไป โดยนายดนัย ฉายภาพให้ฟังถึงช่วงของการออดิชั่นพร้อมกับมุมมองของเด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องการคอร์รัปชั่นโจทย์สำคัญในปีนี้ให้ฟังว่า


“จริงๆ ต้องบอกว่าการคอร์รัปชั่นของเด็กนั้นเขามองเป็นเรื่องไกลตัวมาก ปีนี้นับเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะพอพูดคำว่า คอร์รัปชั่น มันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่เป็นเรื่องรัฐบาล ภาคราชการ และนักการเมือง ชัดเจนเลยว่าเด็กส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ก็จะยังมีเด็กส่วนหนึ่งที่มีความรู้สึกว่าเขาทนไม่ได้ อย่างตอนที่ออดิชั่นเด็ก มีเด็กอายุประมาณ 15ปี จากโรงเรียนสุขุมนวพันธ์ มาคนเดียว เขามีความกล้าและฉะฉานมากเลย ถามว่าทำไมน้องถึงสนใจอาสาแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เขาบอกว่าเขาเติบโตมาแล้วเห็นถนนหนทางขรุขระ เขารับไม่ได้ เขาเห็นตอม่อโครงการโฮปเวลตั้งแต่เขาเกิด เขารับไม่ได้ เขาอยากเห็นประเทศไทยเจริญทัดเทียมกับญี่ปุ่น สหรัฐฯ แม้ในภาพรวมเด็กอาจมองเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องไกลตัว แต่เด็กบางคนรู้สึกแข็งขันมากเลย หรือเด็กที่เลือกเป็นตัวแทนภาคอีสานเขาตาบอด เรียนครูอยู่ปี 2 ที่ราชภัฎอุบลฯ เขาเดินขึ้นมาบนเวทีแล้วก็หกล้มเพราะเขาไม่เห็น แล้วก็มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าหากเขาไม่โกง เขาก็จะไม่มีกิน เพราะสมัยนี้ต้องโกง แต่ฉากสุดท้ายที่เขาขึ้นมาบนเวทีก็หกล้มอีก และในมือถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชูสุดแขน พร้อมกับพูดว่า แม้หนูไม่มีโอกาสได้เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวท่านหน้าตาอย่างไร แต่หนูสัมผัสได้จากหัวใจว่าท่านเป็นคนดี ถึงแม้จะพิการทางร่างกาย ทางสายตา แต่หนูจะไม่พิการทางใจ หนูจะไม่ยอมโกง หนูจะเดินตามรอยพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นประเด็นหนึ่งที่เราเห็นคือเด็กจะมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบ หากพูดถึงเรื่องคุณงามความดี การไม่คอร์รัปชั่น ที่สุดของที่สุดของคุณงามความดีบนโลกใบนี้คือในหลวง ซึ่งอยู่ในหัวใจเยาวชนไทยทุกคน”


เปิด 8 เยาวชนทูตความดี


นายดนัยย้ำว่า เชื่อว่าเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 25 ปีที่มีถึง 23 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรประเทศ เป็นกลุ่มประชากรที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์ พลังกายและใจ แต่เราต้องเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ และกระตุ้นให้เขารู้ว่าควรเดินไปในทิศทางใด เพราะหากเขาถูกกระตุ้นให้เดินทางไม่ถูกต้อง พลังมันจะไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ จึงมีความเชื่ออย่างมากว่าหากทุกคนช่วยกันเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์มหาศาลจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ และทุกคนสามารถจะส่งมอบประเทศไทยให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้


ด้านตัวแทนเยาวชนจากภาคเหนือ อย่าง “เป้ย นายฤทธิพันธุ์ วิจิตรพร” จากจังหวัดเชียงใหม่ เยาวชนที่มีหัวใจกล้า กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดและผลักตัวเองออกจากกรอบเดิมๆ ที่ “เป้ย” เคยหลงผิดไป เป้ยเล่าให้ฟังว่าเดิมเป้ยอยู่ในแก๊งซามูไร ซึ่งเป็นแก๊งกวนเมืองชื่อดังที่เชียงใหม่ ทำเรื่องไม่ดีมามาก ทั้งยาเสพติด ความรุนแรง แต่วันนี้ประสบการณ์ทั้งหมดของเป้ยกำลังถูกถอดเพื่อส่งต่อให้เป็นบทเรียนกับเยาวชนรุ่นหลัง ปัจจุบัน เป้ย ยังเป็นหัวหน้าแก๊งซามูไรที่เปลี่ยนชื่อเป็นแก๊งเอ็นดีอาร์หรือ No Drug Rule กลุ่มที่ไม่ใช้ยาเสพติดที่วันนี้มีสมาชิกถึงห้าพันคน และร่วมทำกิจกรรมดีๆ ที่ต้องปรบมือให้


นายฤทธิพันธุ์ วิจิตรพร


“ตอนแรกผมก็ลองส่งคลิปเข้าประกวดเล่นๆ โดยคลิปของผมก็เป็นเรื่องราวของกลุ่ม NDR ว่าพวกเราทำอะไรกัน ผลปรากฏมีคนให้ความสนใจและรับชมเป็นอันดับ 1สิ่งที่ผมนำเสนอในคลิปคือการปรับเปลี่ยนความคิดที่เดิมที่จะคิดว่าแก๊งของพวกเราจะเป็นเรื่องความรุนแรง ยุ่งเกี่ยวแต่กับสิ่งไม่ดี เราก็เลยเสนอให้เห็นภาพกิจกรรมที่พวกเราเคยทำ ว่าพวกเราเปลี่ยนไปแล้วนะ โดยที่ผมออกจากสิ่งไม่ดีนั้นก็เพราะเราอิ่มตัวแล้ว ทำอะไรไม่ดีมามาก ทำทุกอย่างที่เด็กเกเราเขาทำกัน แต่พอเรากลับมามองตัวเองอีกครั้งว่าตัวเราเองมีค่าหรือป่าว มองไปมองมา ก็เชื่อว่าเรามีความดีในตัวเอง จึงดึงมันออกมา และพยายามดึงเด็กๆ ที่อยู่ในแก๊งให้สนใจทำแต่เรื่องดีๆ อย่างการไปวัด ไหว้พระ ถ้าให้พ่อแม่เขาพาไปคงยาก แต่ผมพาเด็กๆ เข้าวัดได้เป็นร้อยอาจเพราะด้วยความที่เป็นหัวหน้าแก๊ง พี่ไปน้องก็ไป ก็คือทำเป็นตัวอย่างแล้วก็จะซึมซับในตัวเขาเองได้อย่างง่าย”เป้ยกล่าว


เป้ยบอกอีกว่า ตนเองเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง กีฬาก็เล่นไม่เป็น ดนตรีก็เล่นไม่ได้ จึงขาดโอกาสในการมีพื้นที่ แต่เมื่อมีโครงการอย่างทูตความดีฯ ที่เปิดพื้นที่ให้เด็กดีได้ทำกิจกรรม จึงนับเป็นโอกาสดีที่น่าสนใจ จึงอยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้เปิดพื้นที่ดีในสังคมให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้เด็กๆ ที่ขาดโอกาสมีที่ยืน


น.ส.สุคัณญภา โพธิรักษ์ส่วนตัวแทนจากภาคใต้ สาวน้อยแกนนำขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ให้กลับคืนสู่สถานศึกษา “น้องปิงปอง หรือ น.ส.สุคัณญภา โพธิรักษ์” จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี บอกเล่าให้ฟังอย่างยิ้มแย้มว่า การเป็นแกนนำประท้วงแม้จะดูรุนแรง แต่เธอก็ทำด้วยความเชื่อมั่น และด้วยความบริสุทธิ์ใจที่จะเรียกร้องผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับให้กับทุกคน และสุดท้ายความดีก็เอาชนะทุกอย่าง


เมื่อถามถึงเรื่องการคอร์รัปชั่นในบ้านเรา มุมมองของปองบอกได้อย่างน่าสนใจว่า จุดเริ่มการคอร์รัปชั่นคงไม่ต้องมองไปถึงสิ่งใหญ่โตใดๆ เพราะแค่การซื้อสินค้าก็สามารถทำได้ โดยส่วนตัวมองว่าการคอร์รัปชั่นอยู่ในสังคมไทยมานาน เนื่องจากสังคมไทยเป็นสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเห็นแก่ญาติพี่น้อง จึงเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะเกิดการคอร์รัปชั่น และเธอก็จะนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เข้าร่วมโครงการไปส่งต่อความดีให้กับเพื่อนๆ เยาวชนต่อไป


เชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นจุดเริ่มสำคัญที่จะดึงพลังเยาวชนมาร่วมเปลี่ยนอนาคตประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกต่อไป


 


 


 


เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th


 

Shares:
QR Code :
QR Code