เปิดโลกศิลปะ “สานสุขครอบครัว หัวใจศิลป์”
แง่มุมดีของศิลปะนั้นมีหลากหลาย อยู่ที่ว่าจะเลือกไปใช้ด้านใด ศิลปะใช้บำบัดเด็กออทิสติกได้ บำบัดผู้ป่วยมะเร็ง บำบัดโรคเครียด ศิลปะช่วยสร้างสมาธิ รวมทั้งพัฒนาอีคิวให้กับเด็กได้
กิจกรรม “สานสุขครอบครัว หัวใจศิลป์” ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัด ขึ้น ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ซอยงามดูพลี เมื่อเร็ว ๆ นี้ช่วยการเปิดโลกศิลปะอีกด้านให้ กับเด็ก ๆ เชื่อมโยงให้เด็กตระหนักของโทษภัยของเคมีได้ เพราะกิจกรรมในวันนั้นคือการฝึกทำสีจากธรรมชาติให้กับเด็ก ๆ ระดับ 5-8 ขวบ โดยนำสีนั้นมาระบายภาพ
เริ่มต้นตั้งแต่ กิจกรรมละลายพฤติกรรมเพื่อให้สมาชิกที่มาร่วมกิจกรรม 30 ครอบครัวรู้จักเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สนใจพฤติกรรมและพัฒนาของลูก ๆ จากนั้นได้เปิดเวทีเล่มเกม เรียง คู่ จับ สลับสี อธิบายให้เด็ก ๆ ฟังว่าสีธรรมชาติได้มาจากพืชชนิดใด เช่น อัญชันให้สีน้ำเงิน ขมิ้นชันให้สีเหลือง มะเกลือได้สีแดง เป็นต้น พร้อมนำพืชสมุนไพรมาให้เด็กทดลอง ต้มคั้น และย้อมสีจริง ซึ่งเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่รู้มาก่อนหน้านี้ว่า พืช ผักเหล่านี้นำมาสกัดเป็นสีได้ จากนั้นในช่วงบ่ายได้มีการสาธิตวิธีการสร้างงานศิลป์ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ทั้งการใช้พู่กัน การพิมพ์ภาพด้วยวัสดุธรรมชาติ อย่างหัวไชเท้า แครอท ใบไม้ หรือการใช้มือและนิ้ววาดภาพ จากนั้นให้ทุกคนลงมือสร้างสรรค์ศิลปะ
จักรพันธ์ วิลาสินีกุล อาจารย์จาก คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ในฐานะวิทยากรบอกเล่าถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ต้องการสื่อว่าการใช้สีธรรมชาติมาทำงานศิลปะได้ เพราะในประเทศไทยจิตสำนึกเรื่องสารเคมีมีน้อย ผู้ใหญ่เวลาที่จะใช้ของ หรือวัสดุต่าง ๆ อาจมีจิตสำนึกอยู่ว่าตอนนี้เรากำลังยุ่งเกี่ยวกับของที่มันปนเปื้อนในอาหารได้ หรือว่าเข้าสู่ร่างกายได้เมื่อเราสัมผัส แต่เด็กอาจยังไม่มีความรู้ ในต่างประเทศพยายามรณรงค์หรือทำกิจกรรมเวิร์กช็อปกิจกรรมที่ใช้สีจากธรรมชาติให้เยอะขึ้น โดยคาดหวังว่าในวันข้างหน้าจิตสำนึกของการใช้เคมี หรือนำเอาเคมีเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตประจำวันจะได้ใช้อย่างมีสติ
“ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เป็นการต่อต้านเคมี เราปฏิเสธไม่ได้ว่าในชีวิตประจำวันของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรา ยิ่งเด็ก ๆ ถ้าปลูกฝังให้เขารู้จักที่จะใช้สีจากธรรมชาติก็ผนวกเข้าไปกับเรื่องศิลปะผนวกไปกับเรื่องวิทยาศาสตร์ผนวกไปกับเรื่องจิตสำนึกสิ่งแวดล้อม”
ด้าน กรกฏ เกิดมนตรี คุณแม่น้องแก้มวัย 4 ขวบ ครอบครัวผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ บอกว่าสมัครเข้ามาทางเฟซบุ๊กของ สสส. สนใจพาลูกมาร่วมกิจกรรมลักษณะนี้เพราะต้องการให้ลูกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ชอบพาลูก ๆ 2 คนในวัยไล่เลี่ยไปเที่ยว ยังอุทยานแห่งชาติมากกว่าที่จะไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือบ่อยครั้งที่เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด จะขับรถไปทางที่มีภูเขาอ้อมทางกลับบ้านบ้างเพื่อให้เด็กได้เห็นป่าไม้ภูเขา
“ประทับใจกับกิจกรรมของ สสส. เคยมาครั้งที่แล้วเรื่องการแยกขยะแปลงร่างขยะ แตกต่างจากที่อื่นที่มีวิทยากรผู้รู้จริงมาสอน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แล้วให้เด็ก ๆ ลงมือทำจริงไม่ได้อยู่แต่ในห้องบรรยาย เด็กก็สนุก พอลูกกลับไปที่บ้านเขาก็จะแยกขยะจริงและยังไปเล่าให้เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ รร. ว่าขยะกล่องนม ขวดน้ำนำไปรีไซเคิลได้ แล้วเด็กเห็นด้วยว่ากล่องนมเมื่อแยกออกมาเป็นโต๊ะเก้าอี้ แม้ที่ รร. เขาจะสอนแยกขยะแต่ไม่มีของจริงให้เด็กเห็น แต่ที่นี่มีโต๊ะเก้าอี้จากกล่องนมให้เด็กนั่งได้” คุณแม่ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบอกเล่า
กิจกรรมสานสุขครอบครัว หัวใจศิลป์ นอกจากทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องสีจากธรรมชาติแล้วยังเปิดมุมมองการเลี้ยงลูกให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ด้วย สนใจกิจกรรมดีเพื่อลูกและครอบครัวเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เว็บไซต์ http://www.thaihealthcenter.org
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์