เปิดโครงการ Spark U : ปลุกใจเมือง
ที่มา: สำนักข่าวสร้างสุข
แฟ้มภาพ
สสส.ผนึกภาคีเครือข่ายสื่อสร้างสรรค์ร่วมปฏิบัติการเปลี่ยนเมืองด้วยสื่อและพื้นที่สร้างสรรค์ภายใต้โครงการ Spark U : ปลุกใจเมือง ดึงเด็ก-เยาวชนออกจากหน้าจอ ชวนครอบครัวและชุมชนร่วมกันพัฒนาต้นแบบพื้นที่สร้างสรรค์ 3 ดี – สื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี เหนือ-อีสาน-ใต้ หวังจุดประกาย เกิดพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อสุขภาวะทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน เปิดตัวโครงการ Spark U : ปลุกใจเมือง โดยมีภาคีเครือข่าย3 ภูมิภาค ร่วมถ่ายทอด นำเสนอ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้วยกระบวนการสื่อ และพื้นที่สร้างสรรค์ต้นแบบที่เอื้อต่อสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว เพื่อจุดประกาย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับพื้นที่อื่น ๆ ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นเป็นสังคมสุขภาวะอย่างยั่งยืน
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยที่เติบโตมาในยุคดิจิทัลซึ่งเป็นทั้งผู้รับและผู้ใช้สื่อ ได้ใช้เวลาในการเข้าอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 6.4 ชั่วโมงต่อวัน สิ่งที่น่าเป็นห่วง พบว่า เด็กและเยาวชนมีแนวโน้มใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น จนบางคนมีภาวะติดอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาวะในทุกมิติ ดังนั้น การสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ สังคม และปัญญา จึงควรกระตุ้นให้เด็กเยาวชนพัฒนาตนเองในด้านทักษะรู้เท่าทันสื่อ รู้จักใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การเปิดพื้นที่และโอกาสให้เด็กเยาวชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการสื่อและพื้นที่สร้างสรรค์ จะช่วยพัฒนาเด็กเยาวชนให้เป็นพลเมืองตื่นรู้ และนักสื่อสารสุขภาวะที่มีความรับผิดชอบและสำนึกต่อส่วนรวม
นพ.ดร.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า โครงการ Spark U : ปลุกใจเมือง ได้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนกระบวนการสื่อและพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในชุมชน โดยใช้ยุทธศาสตร์เมือง 3 ดี คือ สื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี เป็นการเปิดพื้นที่ให้เด็กเยาวชน ครอบครัว ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ เป็นนักสื่อสารสุขภาวะ เท่าทันสื่อ รวมถึงการสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสุขภาวะได้อย่างมีพลัง โดยมีภาคีเครือข่าย 3 ภูมิภาคร่วมขับเคลื่อนสร้างพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ มีศูนย์กลางขับเคลื่อนงานในแต่ละภาค โดยภาคเหนือ มีจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ขับเคลื่อน ภาคใต้ มีจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ศูนย์กลางขับเคลื่อนงาน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่ศูนย์กลางขับเคลื่อน เพื่อร่วมกันขยายพื้นที่สร้างสรรค์สุขภาวะให้ครอบคลุมทั้งระดับภูมิภาคต่อไป
ด้านนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวว่า ทางโครงการฯได้เลือกจังหวัดเชียงใหม่นำร่องเพราะมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง มีต้นทุนการทำงานสูงมาก Spark U เชียงใหม่เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปลายปี 2559 มีโครงการย่อยสำคัญๆ เช่น โครงการปลุกใจเหมืองฝายพญาคำ เพื่อฟื้นฟูภูมิปัญญาการจัดการน้ำ ใน 8 ตำบล ส่งผลทำให้เกิดแนวทางการจัดทำแผนแม่บท และกลุ่มนักเรียนได้มีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่น, โครงการกาวิละสวนชวนอ่าน เปิดพื้นที่สาธารณะในค่ายกาวิละ ให้เป็นห้องสมุดมีชีวิต ด้วยความร่วมมือของมณฑลทหารบกที่ 33 , โครงการ ช่วยข่าด้วย ความพยายามของคนหนุ่มสาวเพื่อร่วมฟื้นฟู เยียวยาคลองแม่ข่า ลำน้ำสายสำคัญที่ทอดยาวหลายจังหวัดภาคเหนือ ด้วยการจัดตั้งกองทุนที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมลงขัน และประกาศเป็นนโยบายของจังหวัด, โครงการ เตวแอ่วเวียง เป็นโครงการจุดประกายหัวใจชาวชุมชนให้ลุกขึ้นปรับภูมิทัศน์ ปิดถนน เดินชมวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ดำรงอยู่อย่างงดงาม จนก่อเกิดกิจกรรมดีๆ ตามมามากมาย
นางสาวเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน(สสย.) กล่าวว่า สสย.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคใต้กว่า 20 เครือข่าย เช่น สงขลาฟอรั่ม กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์จังหวัดสุราษฏร์ธานี กลุ่มมานีมานะ กลุ่มศูนย์สื่อสารเด็กไทย กลุ่มละครมาหยาจังหวัดกระบี่ และเครือข่ายพื้นที่นี้ดีจัง เป็นต้น ได้ร่วมจัดกระบวนการ Spark U ปลุกใจเมืองใต้ ในแนวคิด Spark ความสุข ความหวังภาคใต้ด้วยพลเมืองคนรุ่นใหม่เน้นเชื่อมความร่วมมือระหว่างเครือข่ายหลากหลายประมาณ 6 จังหวัด โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในภาคใต้ผ่าน 3 ห้องเรียน หัวใจเมืองใต้ ได้แก่ ห้องเรียนฐานทรัพยากรพื้นที่ภาคใต้ ห้องเรียนภูมิปัญญา นวัตกรรม และห้องเรียนอัตลักษณ์ พหุวัฒนธรรม เน้นให้เยาวชนเรียนรู้จากการลงพื้นที่ ลงมือปฏิบัติจริง และแลกเปลี่ยนความรู้กันข้ามพื้นที่ จนตกผลึกรวมเป็นองค์ความรู้และสื่อสารโดยเยาวชนพลเมือง เกิดจุดSpark บันดาลใจให้ทั้งเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ในพื้นที่จากหลากหลายเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคมผนึกพลังกันสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ เพื่อสื่อสารต่อสังคมในงานมหกรรมปลุกใจเมืองใต้ ต้นเดือนสิงหาคม ศกนี้กลางเมืองเก่าสงขลา
นายดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส.กล่าวว่า โครงการนี้ได้จุดประกายการมีส่วนร่วมของเด็กเยาวชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง และดึงการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน จุดสำคัญในการขับเคลื่อน คือ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลตำบลท่าพระ และเทศบาลตำบลสาวะถี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญด้านการใช้กระบวนการทางศิลปวัฒนธรรม การมีส่วนร่วม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เช่น เทศบาลตำบลท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีเอกลักษณ์ในเรื่องของพื้นที่สถานีรถไฟเก่า ที่กำลังจะถูกรื้อทิ้ง มาปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์เรียนรู้ในชุมชน, พื้นที่ชุมชนศรีฐาน จ.ขอนแก่น มีพื้นที่วัดเก่าได้ปรับให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชน, เทศบาลนครขอนแก่น จ.ขอนแก่น จะเปิดพื้นที่ถนนคนเดินที่มีนวัตกรรมทางด้านความคิดในการเปลี่ยนเมือง ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม,พื้นที่ชุมชนสาวะถี มีความเป็นเอกลักษณ์ชุมชนได้สนับสนุนให้เยาวชน วัด ชุมชน เกิดพื้นที่ดี ภูมิดี สื่อดี ร่วมกับเครือข่ายภาคอีสาน 20 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ที่เป็นการผสมผสาน เรื่องของความฝัน ความหวัง ของเด็กเยาวชน, พื้นที่อำเภอนาดูน จ.มหาสารคาม ที่มีการรื้อฟื้นแหล่งเรียนรู้ หุ่นกระบอกหุ่นมือ เกิดพื้นที่สร้างสรรค์ และเวทีจังหวัดอื่นในทุกพื้นที่จะมีการร่วมตัวกัน ในจังหวัดขอนแก่น เพื่อจัดกิจกรรมตลอดเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม”
ทั้งนี้สามารถติดตามข่าวสารการขับเคลื่อนงานในแต่ละพื้นที่ ของทั้ง 3 ภาคได้ทาง Facebook Spark U-ปลุก ใจ เมือง และมาร่วมกันสร้างสรรค์พื้นที่สุขภาวะเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ครอบคลุมในทุกชุมชน