เปิดโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายเด็กไทย

ที่มา : เว็บไซต์ siamsport


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


เปิดโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายเด็กไทย thaihealth


สสส. ผนึกเครือข่ายนานาชาติ เผยผลสำรวจ Report Card ในการประชุม (6th ISPAH 2016) เป็นครั้งแรก พบเด็กและเยาวชนไทยมีกิจกรรมทางกายอยู่ระดับปานกลาง แต่เนือยนิ่งค่อนข้างสูง พร้อมจับมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การแก้ปัญหาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพิ่มกิจกรรมทางกายระดับชาติ


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ The Active Healthy Kids Global Alliance นำเสนอผลการศึกษาโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชนไทย (Thailand Report Card on Physical Activity for Children and Youth) และแลกเปลี่ยนผลสำรวจกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนกับอีก 38 ประเทศทั่วโลก ตามกระบวนการ Global Matrix 2.0 ในการประชุมนานาชาติ ด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและสุขภาพครั้งที่ 6 (6th ISPAH 2016) ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


ขณะเดียวกัน พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมบูธ Report Card ของ สสส. ในโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชนไทย โดยมี ‘น้องหวาน’ อนิสา ยอดพินิจ นักวอลเลย์บอลเยาวชนทีมชาติไทย ชุด 19 ปี และกฤตเมธ เธียรกานนท์ เหรียญทองฟิสิกส์ โอลิมปิก 2016 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมวาดภาพในกิจกรรมเด็กไทยวาดภาพภายใต้แนวคิดแอ็กทีฟเพลย์ในความดีของฉัน


ศ.ดร.มาร์ค เทรมเบล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวิถีชีวิตสุขภาพและโรคอ้วน, ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. และ ผศ.ดร.เกษม นครเขตต์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ พร้อมด้วยผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.), กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข (สธ.), และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมแถลงข่าวที่ห้องเพลนารีฮอล์ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 59 ที่ผ่านมา


เปิดโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายเด็กไทย thaihealth


ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่วนเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า การมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอจำเป็นต่อประชากรทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะวัยเด็ก อายุตั้งแต่ 6-17 ปี ที่กำลังมีพัฒนาทางร่างกายพร้อมๆ กับพัฒนาการทางสมอง ที่ผ่านมาพบว่าเด็กไทยยังขาดการมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอต่อสุขภาพ แบะมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary) คือการนั่งนิ่งอยู่กับที่ถึงวันละ 13 ชั่วโมง 35 นาที ในขณะที่มีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงหนักตามข้อเสนอระดับสากลไม่ถึงวันละ 60 นาที เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะอ้วนในเด็กที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการศึกษาโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชนไทย หรือ Report Card ที่มีการเผยแพร่เป็นครั้งแรก ในการประชุม 6th ISPAH 2016 เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะนำผลการสำรวจและข้อเปรียบเทียบนี้มาใช้เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอต่อการมีสุขภาพสำหรับเด็กและเยาวชนไทยต่อไป


“สสส. โดยกิจกรรมทางกายมียุทธศาสตร์การทำงานที่สำคัญคือ ผลักดันให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ โดยตั้งเป้าภายในปี 2564 คนไทยอายุ 11 ปีขึ้นไป ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของประชากรในช่วงวัยนี้ และภายในปี 2562 ลดจำนวนผู้มีภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนในเด็กให้น้อยกว่าร้อยละ 10 โดยมุ่งส่งเสริมให้มีปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย รวมถึงพัฒนางานวิชาการ งานวิจัยด้านกิจกรรมทางกายสู่เวทีนานาชาติ” ผอ.สำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าว


เปิดโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายเด็กไทย thaihealth


ขณะที่ ศ.ดร.มาร์ค เทรมเบล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวิถีชีวิตสุขภาพและโรคอ้วน ผู้ริเริ่มโครงการ Report Card จากประเทศแคนาดา กล่าวว่า ปัญหาการขาดกิจกรรมทางกายไม่ได้เกิดเฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของทั้งโลกนำมาสู่การคิดริเริ่มกระบวนการสำรวจและสังเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์การมีกิจกรมทางกาย ภายใต้โครงการวิจัย Report Card ครั้งแรกที่ประเทศแคนาดา ในปี 2548 จากโครงการนี้ส่งผลให้เกิดพลังขับเคลื่อนในเชิงนโยบายเพื่อการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชนในประเทศแคนาดาอย่างมาก ต่อมาโครงการวิจัย Report Card นี้ได้นำไปดำเนินการสำรวจในอีก 15 ประเทศ และร่วมนำเสนอในเวทีประชุมวิชาการนานาชาติด้านกิจกรรมทางกายเมื่อปี 2557 ที่เมืองโตรอนโต แคนาดา จากนั้นประเทศไทย โดย สสส. จึงรับโครงการนี้มาดำเนินการสำรวจในประเทศไทย และนำเข้าสู่การแลกเปลี่ยนเปรียบเทียบผลการสำรวจกับอีก 38 ประเทศทั่วโลกในการประชุมนานาชาติด้านกิจกรรมทางกาย (6th ISPAH 2016) นี้


ด้าน ผศ.ดร.เกษม นครเขตต์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ โดยการสนับสนุนของ สสส. เปิดเผยถึงรางานผลการสำรวจสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทย ปี 2559 ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างเด็กนักเรียนอายุ 6-17 ปี จำนวน 16,788 คน จาก 336 โรงเรียน ใน 27 จังหวัด 9 ภูมิภาคทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่าค่าเฉลี่ยการมีกิจกรรมทางกายของเด็กไทยอยู่ระดับปานกลาง หรืออยู่ระดับเกรด C แต่มีพฤติกรรมเนือยนิ่งค่อนข้างสูง ซึ่งการสำรวจครั้งนี้พิจารณาจากตัวชี้วัด 9 ด้าน โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยหลักของไทยทั่วประเทศและองค์กรภาครัฐ ดังนี้ 1) ด้านการมีกิจกรรมทางกายทั่วไปในแต่ละวัย ประเมินจากการมีกิจกรรมทางกายรวมแล้วมากกว่า 60 นาทีต่อวัน ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ อยู่ระดับเกรด D- 2) ด้านการมีโอกาสเข้าร่วมเป็นผู้เล่นในกิจกรรมการแข่งขันกีฬาอยู่ระดับเกรด C 3) ด้านการเล่นที่ได้ออกแรง (เล่นกลางแจ้ง) อยู่ระดับเกรด F 4) ด้านพฤติกรรมเนือยนิ่ง (นั่งนิ่งเป็นเวลานานๆ) อยู่ระดับเกรด D- 5) ด้านการเดินทางที่ได้ใช้แรงกาย (การเดิน ขี่จักรยาน) อยู่ระดับเกรด B 6) ด้านการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนอยู่ระดับเกรด B 7) ด้านนโยบายโรงเรียนที่สนับสนุนให้มีกิจกรรมทางกายอยู่ระดับเกรด C 8) ด้านการสนับสนุนของชุมชนและการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เด็กได้เล่นกีฬา/ ออกกำลังกาย อยู่ระดับเกรด C 9) ด้านยุทธศาสตร์และการลงทุนภาครัฐ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชน อยู่ระดับเกรด C


ทั้งนี้ ผลที่ได้จากโครงการสำรวจ Report Card จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.), กระทรวงสาธารณสุข (สธ.), กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งร่วมเป็นภาคียุทธศาสตร์กับ สสส. มาโดยตลอด จะนำไปใช้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอ สำหรับเด็กและเยาวชนไทยให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพทางสังคม และสติปัญญา พร้อมที่จะเป็นผู้รับภาระในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติในอนาคตอย่างเต็มศักยภาพต่อไป

Shares:
QR Code :
QR Code