เปิดมุมมอง “พี่อุ๋ม-เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร” ผู้บุกเบิก “ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” ที่เป็นมากกว่า [แลนด์มาร์กด้านสุขภาพ] ของกรุงเทพฯ

เปิดมุมมอง “พี่อุ๋ม-เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร” ผู้บุกเบิก “ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” ที่เป็นมากกว่า [แลนด์มาร์กด้านสุขภาพ] ของกรุงเทพฯ  thaihealth


หลายคนคงคุ้นภาพศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยความมุ่งหวังให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกเพศทุกวัย ผ่านทั้งกิจกรรม การอบรม นิทรรศการ ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ แปลงผักสาธิต ห้องสร้างปัญญา ภายในอาคารสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่สำนักงานเพียง 20% เท่านั้น


จุดเริ่มต้นของศูนย์เรียนรู้สุขภาวะแห่งนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ สสส. เมื่อ 10 ปีก่อน ในการใช้องค์ความรู้ที่สั่งสมมาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ภาคีเครือข่าย และได้มีโอกาสใกล้ชิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด นำมาซึ่งการก่อตั้ง ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ในปี 2555 ที่เป็นมากกว่า องค์กรที่ส่งเสริมสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การลบภาพลักษณ์ที่เป็นหน่วยงานรัฐ และทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรม หันมารักสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ สสส. ที่ต้องทำงานกับการเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ และพฤติกรรมไปพร้อม ๆ กัน


วันนี้ exclusive interview by สสส. มาพูดคุยทำความรู้จักกับ พี่อุ๋ม – เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ที่ถือเป็นหนึ่งในรุ่นบุกเบิกการทำงานกับ สสส. มากว่า 20 ปี ตั้งแต่มีพนักงานเพียง 15 คน จนปัจจุบันมีมากกว่า 200 ชีวิต โดยพี่อุ๋มเล่าว่า เมื่อก่อน สสส. เคยเช่าออฟฟิศอยู่ตรงสนามเป้า คนมองภาพว่า สสส. เป็นองค์กรที่เข้าถึงยาก อยู่ข้างบน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราย้ายมาสร้างออฟฟิศใหม่ที่ซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 และตั้งใจทำให้สำนักงานหลังนี้เป็นมากกว่าที่ทำงาน แต่ต้องเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้


การเปลี่ยนทัศนคติของคนเป็นเป้าหมายสูงสุดของ สสส. ทำให้คนสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ด้วยตัวเขาเอง แต่กว่าจะถึงวันนั้น เรายังต้องทำอีกหลายเรื่อง ที่ผ่านมา สิ่งแรกที่ภูมิใจ คือ เราพบว่าคนสูบบุหรี่ในที่สาธารณะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด กระเช้าของขวัญที่มีเหล้าน้อยลง และงานวิ่งกลายเป็นงานที่ได้รับความนิยม มันมีความสำเร็จเล็ก ๆ เกิดขึ้นตลอดทาง


SOOK สัมผัสได้ คอมมูนิตี้ของคนรักสุขภาพ


พี่อุ๋ม เล่าย้อนกลับไปว่า ในช่วงแรกที่ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เป็นช่วงที่ยากลำบากมากในการสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะพอเป็น สสส. คนจะมองว่าเป็นหน่วยงานรัฐ แต่ด้วยเป้าหมายที่อยากให้ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ จึงต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบอาคารสีเขียว เริ่มสื่อสารกับคนในพื้นที่ 1 กิโลเมตรรอบ ๆ ศูนย์เรียนรู้ฯ แม้ในช่วงแรกส่วนใหญ่คนที่มาร่วมกิจกรรมจะเป็นผู้สูงอายุ แต่หลังจากนั้น เริ่มมีคนมาใช้บริการหลากหลาย ประชุม ดูงาน ร่วมกิจกรรม รวมปีละกว่า 4 แสนคน


นอกจากนี้ ยังเริ่มทำแบรนด์ SOOK เพื่อสื่อสารให้กับประชาชนได้ง่ายขึ้น เปรียบเสมือนเพื่อนที่ดูเข้าถึงง่าย ช่วยสื่อสารกิจกรรมภายในอาคาร รวมถึงจัดทำนิตยสาร กระทั่งในวันนี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ไม่ได้ยืนอยู่ตัวคนเดียว แต่ยังมีเครือข่ายศูนย์เรียนรู้ภูมิภาค อีกกว่า 18 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีการนำเอาข้อมูลองค์ความรู้ นิทรรศการของ สสส. ไปจัดแสดง เพื่อให้ความรู้กับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นั้น ๆ รวมถึง เครือข่ายห้องสร้างปัญญาที่มีหนังสือของ สสส. ในห้องสมุด กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ


เปิดมุมมอง “พี่อุ๋ม-เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร” ผู้บุกเบิก “ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” ที่เป็นมากกว่า [แลนด์มาร์กด้านสุขภาพ] ของกรุงเทพฯ  thaihealth


“ทุกอย่างคือการพัฒนา พอเราบอกว่าเราเป็นศูนย์เรียนรู้ฯ เราเองก็ต้องเรียนรู้ ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง เช่น พอมีสถานการณ์โควิด-19 เราเริ่มเห็นโอกาสในการจัดกิจกรรม และการเรียนรู้แบบใหม่ โดยเป้าหมายในปี 2564 มองว่าจะมีหลักสูตรออนไลน์มากขึ้น รวมถึงแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้กับผู้รับประโยชน์มาเจอกัน เช่น ห้องเรียนพ่อแม่ ทำให้เป็นคอมมูนิตี้ของพ่อแม่ที่เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้”


พร้อมกันนี้ ยังมุ่งให้ความสำคัญกับประเด็นชี้นำทางสังคม โดยมีโครงการ Thai Health Watch ทำงานร่วมกับนักวิชาการเพื่อพูดคุยเรื่องประเด็นสังคม และ สสส. ดำเนินการตามนโยบาย แคมเปญ กิจกรรม ฯลฯ ในประเด็นทางสังคมเหล่านั้น รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่จะทำให้เกิดคอมมูนิตี้สำหรับคนที่จะติดตามงานของ สสส. ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น


เป้าหมายสูงสุด สสส. เป็นที่หนึ่งในใจ


พี่อุ๋ม ผู้บุกเบิก ศูนย์เรียนรู้ฯ สสส. บอกเล่าถึงเป้าหมายสูงสุดว่า “สสส. มีเป้าใหญ่ คือ ทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยมี Health Literacy ถ้าวันนั้น เราทำให้ประชาชนนึกถึง สสส. เป็นที่แรกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในการทำให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดี และเป็นที่หนึ่งในใจเขา นี่เป็นเป้าหมายสูงสุด เรื่องของการสร้างสุขภาพ ไม่ใช่แค่เรื่องของกายแต่มันคือทั้งหมด ถ้าทำให้ศูนย์เรียนรู้ฯ กลายเป็นที่แรกที่คนคิดถึงเป็นอันดับต้น ๆ ถือเป็นความสำเร็จของเรา”  


ทั้งนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในการทำงาน นอกจากต้องไม่หยุดคิด ต้องทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว และไม่ติดในกรอบการทำงานแล้ว อุปสรรคสำคัญที่ต้องฝ่าไปให้ได้ คือ “ตัวเอง” หากไม่รู้จักเปลี่ยน ไม่มีมุมมองใหม่ ไม่ยอมก้าวออกมา ไม่เปลี่ยนวิธีการทำงาน ก็จะไม่เติบโต


เปิดมุมมอง “พี่อุ๋ม-เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร” ผู้บุกเบิก “ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ” ที่เป็นมากกว่า [แลนด์มาร์กด้านสุขภาพ] ของกรุงเทพฯ  thaihealth


“ชีวิตเหมือนกราฟ มีทั้งลงและขึ้น เป็นส่วนสำคัญของการทำงาน องค์กรต้องการคนที่ไม่หยุดคิด ต้องการคนที่คิด ลงมือทำ ลอง ผิดก็ต้องยอมรับ ถูกก็ต้องส่งต่อได้ และ คอนเนคชั่น สำคัญมาก เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้เราเติบโต ทำให้เรามีแนวคิด และมุมมองที่หลากหลาย”


สสส. คือจุดเปลี่ยนของชีวิตสุขภาวะ


นอกจากเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่าน สสส. จนเป็นศูนย์เรียนรู้สุขภาวะในวันนี้ ในด้านของ สสส. เอง ก็เป็นส่วนหนึ่ง ในการหล่อหลอมการใช้ชีวิตด้านสุขภาพเช่นกัน โดยพี่อุ๋ม อธิบายว่า สิ่งที่เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด คือ ตั้งแต่มาเป็นผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้ฯ เราเป็นผู้บริหาร หากเราไม่ดูแลสุขภาพ เราจะไม่กล้าไปคุยกับประชาชนให้เขาดูแลสุขภาพ เราจะไปพูดให้คนเปลี่ยน เราก็ต้องมีบุคลิกภาพที่ดี อาจจะไม่ต้องทำ 100% แต่อย่างน้อยในที่ทำงานเราก็ต้องไม่ทำ แม้จะไม่ได้ออกกำลังกายตลอดเวลา แต่ก็พยายามเดินขึ้นบันได ไม่กินของทอด เล่นโยคะ  การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มันทำให้เราดีขึ้น


“การที่ได้มาอยู่ สสส. ทำให้เรารู้ข้อมูลด้านสุขภาพโดยอัตโนมัติ เพราะต้องอ่านโครงการ เป็นพฤติกรรมที่ค่อย ๆ สั่งสม สสส. สอนเรื่องวิธีคิด ปรับเปลี่ยนได้เยอะคือวิธีกิน เชื่อว่าคนที่เดินเข้า-ออกที่นี่ต้องเห็นได้ชัดเจนว่าเราสดใส ร่าเริง และสุขภาพดี” พี่อุ๋ม กล่าวทิ้งท้าย betder

Shares:
QR Code :
QR Code