เปิดผลวิจัยอุบัติเหตุจักรยานยนต์ ขาดทักษะขี่อย่างปลอดภัย
ที่มา : มติชน
ภาพโดย สสส.
เปิดผลวิจัยอุบัติเหตุชี้จักรยานยนต์ ขาดทักษะขี่อย่างปลอดภัย
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย (Thailand Accident Research Center) หน่วยงานวิจัยด้านอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย แถลงความคืบหน้าการวิจัยอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในโครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ (In-depth Accident Investigation in Thailand) ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เพื่อเก็บข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ตั้งเป้าที่ 1,000 เหตุการณ์ หรือเคส ระหว่าง พ.ศ.2559-2563 ล่าสุดเก็บข้อมูลแล้ว 600 เคส พบปัญหาเบื้องต้นคือผู้ใช้รถขาดทักษะในการคาดการณ์อุบัติเหตุ การควบคุมรถและไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แนะวิธีแก้ปัญหาเร่งด่วนควรพัฒนาทักษะให้กับผู้ขับขี่เป็นลำดับแรก
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยทางถนน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), มร.อะซึชิ โอกาตะ กรรมการ บริหารระดับสูง บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด, มร.โนะบุฮะรุ ทะคะฮาชิ ประธานบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ เอเชียน เซ็นเตอร์ จำกัด และ รศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ร่วมงานแถลงข่าว
ทั้งนี้ มีข้อค้นพบเบื้องต้นที่น่าสนใจดังนี้ 1.ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ มักเสียชีวิตจากการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือชนกับวัตถุข้างทาง แต่หากรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มเองอุบัติเหตุจะรุนแรงน้อยกว่า ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตต่ำกว่าการชนกับรถคันอื่น ทั้งนี้ รถยนต์คันอื่นที่ชนกับรถจักรยานยนต์ และทำให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียชีวิตมากที่สุดได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะ ตามมาด้วยรถบรรทุกและรถที่จอดอยู่ข้างทาง
2.รูปแบบการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่พบบ่อยมากที่สุด คือ การเลี้ยวตัดกระแสจราจรทางตรง ณ จุดตัดประเภทต่าง ๆ เช่น จุดกลับรถ ทางแยก ทางเข้าออกซอยต่างๆ แต่รูปแบบการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์มีผู้ขับขี่เสียชีวิตมากที่สุด คือ การชนด้านหน้า และการชนท้ายรถคันอื่น รวมถึงการชนกับรถขณะกำลังเลี้ยวในบริเวณจุดตัดต่าง ๆ
3.สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ มาจากปัจจัยด้านบุคคลเป็นหลัก มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 94 แบ่งเป็น สาเหตุเกิดจากความผิดพลาดของผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 54 และสาเหตุเกิดจากความผิดพลาดของคนขับรถยนต์คันอื่น ร้อยละ 40 ส่วนสาเหตุจากถนนและยานพาหนะ มีเพียงร้อยละ 4 และร้อยละ 2 ตามลำดับ
4.ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ความผิดพลาดของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในการประเมินสถานการณ์ (Perception Failure) ถึงร้อยละ 52 ความผิดพลาดในการตัดสินใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ฉุกเฉิน (Decision Failure) ร้อยละ 21 และความผิดพลาดในการควบคุมรถ (Reaction Failure) ร้อยละ 19
นอกจากนี้ ยังพบว่าร้อยละ 26 ของอุบัติเหตุทั้งหมด มีเหตุจากความไม่ตั้งใจในการขับขี่ (Attention Failure) และร้อยละ 32 ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากการทำผิดกฎจราจรของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (Faulty in Traffic Strategy)
5.ร้อยละ 48 ของอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เกิดจากการผู้ขับขี่ไม่หลบหลีกหรือเบรก เพื่อหลีกเลี่ยงการชน (Collision Avoidance) ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากผู้ขับขี่ไม่สามารถหลบหลีกหรือเบรกได้ทัน เพราะเกิดกะทันหัน อีกทั้งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ยังมีสภาพร่างกายปกติ ไม่มีอาการง่วงหรือเมา และขับขี่ด้วยความเร็วปกติระหว่าง 30-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
6.ร้อยละ 40 ของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุไม่มีใบอนุญาตขับขี่ อย่างไรก็ตามในกลุ่มผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่ ปรากฏว่าร้อยละ 50 เป็นการชนที่ผู้ขับขี่ไม่หลบหรือเบรกเพื่อเลี่ยงการชนเช่นเดียวกัน ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะมีใบอนุญาต แต่ก็ยังขาดทักษะในการหลีกเลี่ยงการชน
7.มากกว่าร้อยละ 85 ของอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์นั้นเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย แต่เรียนรู้วิธีการขับขี่รถจักรยานยนต์จากสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือฝึกขับขี่ด้วยตนเอง
8.มากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เกิดจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ สอดคล้องกับข้อมูลที่ว่า มากกว่าร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่
9.ร้อยละ 15 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เกิดจากการขับขี่ขณะมึนเมา และในกลุ่มนี้ยังพบว่ามากกว่าร้อยละ 90 ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์
รศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้นสรุปว่า มาตรการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนควรดำเนินการเพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างเร่งด่วนคือ การพัฒนาทักษะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รอบด้าน โดยมุ่งเน้น 3 ด้าน ได้แก่ การคาดการณ์อุบัติเหตุ การตัดสินใจที่ถูกต้อง และการควบคุมรถอย่างปลอดภัย