เปิดประชุมวิชาการ บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 เผยตัวเลขสิงห์อมควัน ปี 2550 โจ๋ไทย ยังน่าห่วง

เผยตัวเลขสิงห์อมควัน ปี 2550 โจ๋ไทย ยังน่าห่วง 

 

เปิดประชุมวิชาการ บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 เผยตัวเลขสิงห์อมควัน ปี 2550 โจ๋ไทย ยังน่าห่วง

           ศจย. ร่วมมือกับ องค์กรภาคี และสสส. เปิดประชุมวิชาการ บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7        ผศ.ดร.ลักขณา เผยสถานการณ์ สิงห์อมควัน โจ๋ไทย ยังน่าห่วง  สูบหนักเฉลี่ยเกินวันละ 10 มวน  ครู จะเป็นบุคคลที่จะโดนตำหนิมากสุดหากสูบบุหรี่  ชี้  กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะได้ผล สร้างแรงกดดันให้อยากเลิกบุหรี่ได้   พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จเป็นองค์ประธานและมอบโล่ห์รางวัลควบคุมยาสูบแห่งชาติครั้งที่ 2 แก่บุคคลและองค์กรดีเด่น

 

           เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ(ศจย.) มหาวิทยาลัยมหิดล  ร่วมกับ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และภาคีเครือข่าย   จัดประชุมวิชาการ บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7  เรื่อง เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) โดย ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ(ศจย.) กล่าวว่า สถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลงในทุกกลุ่มอายุ ยกเว้นกลุ่มเยาวชนที่ยังมีแนวโน้มการสูบบุหรี่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่จะเป็นกลุ่มคนวัยแรงงาน  แสดงให้เห็นว่าเยาวชนยังมีค่านิยมผิดๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ ที่พยายามผลิตบุหรี่แบบแปลกๆ ใหม่ๆ เช่น บุหรี่ชูรส ปรุงกลิ่น เพื่อหลอกล่อเยาวชนให้กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่

 

           ผศ.ดร.ลักขณา กล่าวว่า จากการทำวิจัย เรื่อง ความคิดเห็นของวัยรุ่นต่อภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ และพฤติกรรมการสูบบุหรี่ระหว่างวันที่  9-29 กุมภาพันธ์ 2551  ในกลุ่มตัวอย่างอายุ 13-18 ปี ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและเขตเทศบาลของจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา พบว่า  ร้อยละ 30.6 ระบุว่าสูบเป็นประจำตอนอายุ 15 ปี  และร้อยละ 15.8 สูบเป็นประจำตอนอายุ 14 ปี โดยร้อยละ 75.7 มีเพื่อนสนิทเป็นคนที่สูบบุหรี่ด้วย กว่าร้อยละ 20 สูบเฉลี่ยวันละ 10 มวนขึ้นไป นอกจากนี้ ยังพบว่า สถานที่ที่สูบเป็นประจำคือ บ้านพักตนเอง บ้านเพื่อน และโรงเรียน

 

           ผศ.ดร.ลักขณา กล่าวว่า  เมื่อสำรวจถึงความรู้สึกตำหนิพฤติกรรมการสูบบุหรี่ พบว่า ร้อยละ 90 ระบุว่า ครู เป็นคนที่น่าตำหนิที่สุดหากสูบบุหรี่ในสถานศึกษา รองลงมาคือ เพื่อนสนิทเพศหญิง จะถูกตำหนิมากกว่าเพื่อนผู้ชาย  และแฟน   โดยการแสดงออกต่อกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่สูบบุหรี่นั้น  พบว่า ถ้าหากเป็นกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดและสนิท กลุ่มตัวอย่างจะแสดงอาการไม่พอใจ ต่อว่า เตือน  ขณะที่หากเป็นกลุ่มบุคคลที่ไกลตัวและไม่รู้จักจะแสดงออกโดยหลีกเลี่ยงเดินออกจากบริเวณนั้น

 

            แรงกดดันจากคนรอบข้างให้เลิกสูบบุหรี่  พบว่าตัวอย่างกว่าร้อยละ 60 ระบุว่าไม่ค่อยกดดัน หรือไม่รู้สึกกดดันเลย  ขณะที่ร้อยละ 38.4 ระบุว่ารู้สึกค่อนข้างกดดันจนถึงกดดันมาก  เมื่อสอบถามถึงแรงกดดันจากสังคมให้เลิกสูบบุหรี่ พบว่า ตัวอย่างกว่าครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 50 ระบุว่าได้รับแรงกดดันมาก ถึงค่อนข้างกดดันจากกฎหมายเขตปลอดบุหรี่  และประชาชนทั่วไปในพื้นที่สาธารณะผศ.ดร.ลักขณากล่าว

 

           ผศ.ดร.ลักขณา กล่าวว่า  เมื่อสอบถามการรับรู้โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ และกฎหมายเขตปลอดบุหรี่  พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 94.8 รู้ว่าบุหรี่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปอด  ร้อยละ 83.9  รับรู้ว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก  และร้อยละ 80.9 รู้ว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง ขณะที่ร้อยละ 54.3 รู้ว่าบุหรี่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงตีบ และร้อยละ 58.2 ที่รู้ว่าบุหรี่เป็นสาเหตุของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน  เมื่อเทียบกับการรับรู้ในการบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะพบว่า ต่ำกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างที่จะทราบ  ได้แก่  กฎบังคับห้ามสูบบุหรี่บริเวณตลาดสด ตลาดนัด ภายในเดือน ก.พ.51  ทราบเพียง ร้อยละ 32.4 ส่วนกฎบังคับห้ามสูบบุหรี่ในสถานบันเทิง (ผับ บาร์) ภายในเดือน ก.พ.51 ทราบ ร้อยละ 41.3

 

           ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการประกาศผลรางวัลควบคุมยาสูบแห่งชาติ ประจำปี 2551 ครั้งที่ 2  โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ  เสด็จเป็นองค์ประธาน พร้อม ประทานโล่ห์รางวัล  ให้บุคคลและองค์กรดีเด่น  ในการควบคุมยาสูบ  โดยมีบุคคลและองค์กรได้รับรางวัลทั้งสิ้น 10 รางวัล  ใน 6 ประเภท  ได้แก่ 1. ประเภทบุคคลที่มีคุณูปการต่อวงการควบคุมยาสูบ คือ  ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ แกนนำในการจัดทำ quitline สายด่วนเลิกบุหรี่รวมถึงเป็นวิทยากรในการอบรมวิทยากรรุ่นต่อไปในการช่วยเหลือผู้เลิกบุหรี่

 

           2.  ประเภทบุคคลดีเด่นด้านการควบคุมยาสูบในเยาวชน ได้แก่ นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  ผู้สนับสนุนโครงการโรงเรียนสีขาว และสนับสนุนให้กระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ และน.ส.บุษริน เพ็งบุญ พยาบาลวิชาชีพ ระดับ 7 โรงพยาบาลอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้รณรงค์ในพื้นที่อย่างจริงจัง และผลิตวิทยากรในการช่วยกันรณรงค์ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดใกล้เคียง

 

           3. ประเภทองค์กรภาครัฐดีเด่นที่คว้ารางวัลด้านการควบคุมยาสูบในเยาวชน ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร มีนโยบายประสานกับพื้นที่ในการทำให้จังหวัดเน้นการรณรงค์การควบคุมยาสูบ และโรงพยาบาลเกษตรวิสัย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ 100%

 

           4.  ประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการควบคุมยาสูบในเยาวชน ได้แก่ เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ ซึ่งปลูกฝังให้วิชาชีพแพทย์ทำหน้าที่ในการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ รวมถึงมีหน้าที่รณรงค์การไม่สูบบุหรี่ด้วย และเครือข่ายศิลปินเพื่อศิลปะปลอด(บริษัท)บุหรี่ ใช้ศิลปะที่เป็นสื่อกลางในการรณรงค์ให้วัยรุ่น และประชาชนไม่สูบบุหรี่ 

 

           5. ประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการควบคุมยาสูบในเยาวชน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลพิชัย จ.ลำปาง ที่เน้นให้เยาวชนในพื้นที่ลดละเลิกอย่างจริงจัง สร้างทักษะในเยาวชนให้เข็มแข็งต่อยาเสพติด โดยเฉพาะบุหรี่ และ 6. ประเภทองค์กรเยาวชนดีเด่นด้านการควบคุมยาสูบในเยาวชน ได้แก่ ชมรมพี่สอนน้องโรงเรียนบางมดวิทยา สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์และกลุ่มเยาวชนดาวในฝัน  จ. เชียงใหม่   ที่ทั้ง 2 แห่งต่างสร้างเครือข่ายนักเรียนในการเฝ้าระวังเกี่ยวกับยาสูบ สอนแกนนำเยาวชน ฝึกทักษะสืบต่อกันรุ่นต่อรุ่น สร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันยาสูบในโรงเรียน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

 

 

 

update 05-08-51

Shares:
QR Code :
QR Code