เปิดบ้านโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
เปิดบ้านโรงเรียนเด็กไทยแก้มใสโภชนาการสมวัย สุขภาพดี ผลการเรียนดี มีจิตสาธารณะ โชว์ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบโครงการเด็กไทยแก้มใส "โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา" น้อมนำพระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีขับเคลื่อน เด็กไทยมีสุขภาวะดีเติบโตมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2560 ที่โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส. ) ร่วมกับโครงการเด็กไทยแก้มใส โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา จ.สมุทรปราการ ร่วมกัน "เปิดบ้านโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส ถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ" โดยน้อมนำพระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการเด็กไทยแก้มใส ใน 544 โรงเรียนทุกสังกัด และคัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อม 120 แห่ง สมัครใจร่วมพัฒนาตนเอง และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเด็กไทยให้มีโภชนาการสมวัย สุขภาพดี ผลการเรียนดี และมีจิตสาธารณะ ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการมี 3 โรงเรียนที่มีความพร้อม เพื่อร่วมสร้างต้นกล้าเด็กไทยแก้มใสให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ หวังให้โรงเรียนเป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเด็กและเยาวชน
นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวถึง พระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ว่า“.. อาหารและโภชนาการมีความสำคัญต่อมนุษย์ตลอดวงจรชีวิต การถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านอาหารและโภชนาการแก่สถานศึกษา ให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเสริมสร้างเด็กไทยให้มีศักยภาพเต็มตามความคาดหมาย..ที่สำคัญคือ ความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย โดยมีโรงเรียนและนักเรียนเป็นเป้าหมายหลัก แล้วขยายต่อไปยังครอบครัวและชุมชน….” ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรปราการมีโรงเรียนสำหรับเด็กวัย 6 –14 ปี 165,600 คน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึง มัธยมต้น รวมทั้งสิ้น 290 แห่ง จากการสำรวจไอคิวเด็กไทย ปี 2554 และปี 2559 ของ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าค่าเฉลี่ยไอคิวเด็กไทยจังหวัดสมุทรปราการ =100.41และ 101.09 ( ค่ากลางมาตรฐาน IQ = 100 )
ผลการดำเนินงานอนามัยแม่และเด็กของจังหวัดสมุทรปราการ ปี 2559 โดยภาพรวม พบว่าสภาวะสุขภาพของเด็กดีขึ้นเป็นลำดับ เด็ก 6-14 ปี มีรูปร่างสูงดีและสมส่วน ร้อยละ 64.8 และมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 17.37 ทั้งนี้ มีเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคในอนาคต คือเด็กที่มีภาวะอ้วน ถึงร้อยละ 15.9 และ เด็กขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตระยะยาว ทำให้มีภาวะผอม ร้อยละ 9.7 และภาวะเตี้ย ร้อยละ 8.42 ซึ่งตนตั้งใจจะผลักดันเป็นนโยบายของทั้งจังหวัดสมุทรปราการที่จะขอน้อมนำแนวทางดังกล่าวและการดำเนินงานเด็กไทยแก้มใสมาขับเคลื่อนต่อในทุกโรงเรียน เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์มาก โดยให้โรงเรียนที่เป็นศูนย์เรียนรู้เด็กไทยแก้มใส ทั้ง 3 แห่ง ของจังหวัดสมุทรปราการซึ่งมีนักเรียนรวม 2,374 คน คือ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา โรงเรียนวัดคลองสวน (พรหมอุทิศวิทยาคาร) และ โรงเรียนวัดสวนส้ม ( สุขประชานุกูล) เป็นผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ ขยายผลต่อไปยังโรงเรียนอื่นๆ อีก 10 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 1 (เยี่ยมเกษสุวรรณ) โรงเรียนด่านสำโรง โรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม โรงเรียนวัดศรีคงคาราม โรงเรียนวัดคลองมอญ โรงเรียนบ้านขุนสมุทรไทย โรงเรียนวัดสำโรงเหนือ โรงเรียนวัดแหลม โรงเรียนวัดบางหัวเสือ และ โรงเรียนวัดปุณหังสณาวาส
ทั้งนี้ เพื่อร่วมสร้างต้นกล้าเด็กไทยแก้มใสให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างต้นกล้าให้แผ่นดิน ทั้งนี้จะได้แต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้นมาจัดทำแผนรองรับการพัฒนาด้านอาหารและโภชนาการโรงเรียนอย่างครบวงจร ให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของนักเรียน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เกิดความยั่งยืนสืบไป
รองศาสตราจารย์นายแพทย์ปัญญา ไข่มุก กรรมการทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า การมีโภชนาการที่ดี และสุขภาพที่แข็งแรง นับเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะส่งเสริมให้เด็กทุกคนเจริญเติบโต และพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ เป็นคนมีคุณภาพของสังคมไทย อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมา เด็กไทยในวัยเรียนจำนวนมากขาดแคลนอาหารกลางวัน และมีปัญหาการขาดสารอาหาร จนทำให้มีนํ้าหนัก และมีส่วนสูง ตํ่ากว่าเกณฑ์ จึงส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ ถึงแม้หลายหน่วยงานได้ร่วมกันแก้ไข แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมเด็กในวัยเรียนได้ทั้งประเทศ ยังมีเด็กนักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวโดยลำพัง ทั้งนี้เพราะเด็กเหล่านี้อาศัยอยู่ตามชายขอบของประเทศ ในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวก มีสภาพทางภูมิศาสตร์ไม่เหมาะสม จึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการจัดบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา บริการสาธารณสุข ตลอดจนสาธารณูปโภคต่าง ๆที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทำให้เด็กในพื้นที่เหล่านี้ขาดโอกาสในการพัฒนามากกว่าเด็กในพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ และเมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพบเห็นสภาพปัญหาดังกล่าว ทำให้ทรงห่วงใยเด็ก และเยาวชนเหล่านี้ ดังที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า“..ในบรรดาคนยากจนทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเห็นจะเป็นเด็ก ๆ พวกเด็กนักเรียนที่ซูบผอม อาหารการกินไม่สมบูรณ์เช่นนี้จะเอาเรี่ยวแรง และสมองที่ไหนมาเล่าเรียน โตขึ้นอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน ทำมาหากิน ก็ต้องทุกข์ยากยิ่งขึ้น จึงทรงริเริ่มดำเนินโครงการเกษตรเพื่ออาหาร
กลางวันขึ้นเมื่อ พ.ศ.2523 โดยทรงทดลองทำ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 3 โรง ได้แก่ (1) รร.ตชด.บ้านหนองแจง อ.ไทรโยคจ.กาญจนบุรี (2) รร.ตชด. บ้านทุ่งศาลา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ (3)รร.ตชด.บ้านคอกอ้ายเผือก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่ทดลองได้ผลดีแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขยายไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศในปีต่อมา
ด้วยเหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. และหน่วยงานภาคี จึงได้น้อมนำแนวพระราชดำริและแนวทางการทรงงานมาเป็นแบบอย่างในการขยายผลในโรงเรียนสังกัดต่างๆ ที่สมัครใจและมีเด็กปฐมวัยถึงวัยเรียนที่กำลังเจริญเติบโต ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาและขยายโอกาสถึงมัธยม 3 จำนวน 544 โรงเรียน ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ปี 2559 ได้คัดเลือกโรงเรียนพัฒนาให้มีความพร้อมเป็นศูนย์เรียนรู้ 120 แห่ง ซึ่งในจังหวัดสมุทรการมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเด็กไทยแก้มใส ตั้งแต่ปี 2557 จำนวน 8 แห่ง คือ โรงเรียนวัดแหลม โรงเรียนบ้านบางจาก โรงเรียนวัดแค โรงเรียนคลองบางแก้ว โรงเรียนคลองสำโรง โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา โรงเรียนวัดคลองสวน และโรงเรียนวัดสวนส้ม และ พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เด็กไทยแก้มใส 3 แห่ง คือ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา โรงเรียนวัดคลองสวน และโรงเรียนวัดสวนส้ม
ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ผู้เป็นเจ้าภาพร่วมกับนายภาคินัย สุนทรวิภาต ผอ.โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน เปิดบ้าน “ศูนย์เรียนรู้เด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ จังหวัดสมุทรปราการ” ครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านวิชาการและการบริหารจัดการจาก มูลนิธิสร้างเสริมวิถีบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ และ อีก สองโรงเรียน คือโรงเรียนวัดคลองสวน และ โรงเรียนวัดสวนส้ม จึงขอขอบคุณ สสส. และ หน่วยงานดังกล่าว ซึ่งตนคิดว่า จะนำไปขยายผลต่อในโรงเรียนภายใต้สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ทุกแห่งต่อไป
สำหรับการจัดงานในวันนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดศูนย์เรียนรู้เด็กไทยแก้มใสของจังหวัดสมุทรปราการแล้ว ยังมีการจัดเวทีเสวนา..“อนาคต…การขยายผลสู่ความยั่งยืนของโครงการเด็กไทยแก้มใส เจริญตามรอยพระยุคลบาท เจ้าฟ้านักโภชนาการ” ดำเนินรายการ โดย อาจารย์สง่า ดามาพงศ์ ที่ปรึกษาสำนักโภชนาการ กรมอนามัย และ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. / นายภาคินัย สุนทรวิภาต ผู้อำนวยการโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา / นายวรพจน์สิงหราช ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดคลองสวน (พรหมอุทิศวิทยาคาร) / นายธวัช โพธิ์แก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสวนส้ม (สุขประชานุกูล)และ นางไพจิตร ใจหาญ ประธานเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา