เปิดครัวร้านอาหารสโมสรรัฐสภาต้นแบบครัวสุขภาพดี…ลดห่วงยางรอบเอว
“ข้าวเหนียวทุเรียน มะม่วงข้าวเหนียวมูน ลอดช่องน้ำกะทิ เป็นเมนูยอดฮิตของที่ร้าน ซึ่งปกติร้านของเราจะทำขนมรสชาติหวานน้อยอยู่แล้ว การเพิ่มป้ายบอกแคลอรีและการออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่ดี ทำให้ลูกค้าดูแลสุขภาพตัวเอง” ป้ารจนา วสุวัต วัย 59 ปี จากร้านขนมคุณแม่ บอกพร้อมรอยยิ้ม และพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่า ขนมอร่อยเหมือนเดิม และลูกค้าไม่ลดลงเลย
ไม่ต่างจาก น.ส.จันทร์เพ็ญ นามราช อายุ 34 ปี เชฟร้านสะเต็ก&ซุป ที่บอกว่า มีการปรับสูตรอาหารโดยลดหวาน มัน เค็มลง หลังจากที่มีการอบรมไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ปรับสูตรมา 1 เดือนแล้ว แต่ลูกค้ายังมากและทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อาหารรสชาติดีเหมือนเดิม
เชพร้านสะเต็ก&ซุป บอกอีกว่า “อย่างข้าวผัดก็ใช้น้ำมันแค่ 2 ช้อน จากเดิมที่ใช้ 3-4 ช้อน หรือที่เคยใส่ซีอิ้ว 4 ช้อน ก็ลดลงเหลือช้อนเดียว หรือแม้แต่น้ำสลัดก็มีการปรับสูตรโดยลดปริมาณไข่แดงลง แม้จะทำให้น้ำสลัดมีความข้นน้อยลงแต่ให้รสชาติเหมือนเดิม ส่วนเมนูเสต็กหมูสันนอก ที่ราดน้ำเกรวี่ก็ลดปริมาณเนยลง ที่สำคัญเพิ่มปริมาณผักสลัดจากเดิมที่เสิร์ฟสเต็กพร้อมมันฝรั่งทอดอย่างเดียว
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นโฉมใหม่ ของ “ห้องอาหารสโมสรรัฐสภา” ที่ วุฒิสภา กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมภัตตาคารอาหารไทย และเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันดำเนินโครงการ “ร้านอาหารรัฐสภาต้นแบบสร้างเสริมสุขภาพ” ขึ้น เพื่อรณรงค์ และส่งเสริมให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ผู้ที่เข้ามารับประทานอาหาร และเพิ่มทางเลือกในการบริโภคอาหารสุขภาพ สะอาด ปลอดภัย ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและโรคทางเดินอาหาร ที่สำคัญนำไปสู่การเป็นแบบอย่างที่ดีในการดูแลสุขภาพตนเอง โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารและออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เหมาะสม และต่อเนื่อง
“สิ่งที่หลายคนกลัว คือ ห่วงว่าอาหารจะขาดความอร่อยที่ถูกอกถูกใจ แต่หากลดชาติไม่เปลี่ยน แถมดีต่อสุขภาพ น่าจะทำให้คนหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคได้” นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย และผู้บริหารห้องอาหารสโมสรรัฐสภา กล่าวอย่างมั่นใจ พร้อมกับแจกแจงเมนูยอดฮิตของ ส.ส.และส.ว.ที่ร้านอาหารสโมสรรัฐสภาว่า มี 3 เมนู คือ กระเพราะกุ้ง ผัดไท และข้าวอบสับปะรด ซึ่งทั้ง 3 เมนู นอกจากจะมีการปรุงลดชาติให้กลมกล่อมแต่ลดหวาน ลดมัน ลดเค็มลง ก็จะมีการปรับเป็นชุดอาหาร โดยเพิ่มน้ำซุป และผลไม้เข้าไปในชุดอาหาร เพื่อให้ผู้ที่มารับประทานอาหารได้สารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอกว่าร้านอาหารต้นแบบที่สโมสรรัฐสภา จะถูกปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการได้รับความรู้ด้านการบริโภคอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ โดยมีป้ายแสดงค่าพลังงานที่ได้รับจากการบริโภคอาหารแต่ละชนิด เปรียบเทียบกับการออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกกิน และวิธีออกกำลังกาย นอกจากนี้ จะมีการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบอาหาร ให้ทราบถึงเมนูที่ถูกหลักโภชนาการ และการจัดสภาพแวดล้อมให้เกิดการบริโภคอาหารปลอดภัยด้วย
“ยกตัวอย่างข้าวมันไก่ 1 จาน หากรับประทานเข้าไปจะได้พลังงาน 596 กิโลแคลอรี ร่างกายจะเผาผลาญได้ด้วยการวิ่งเหยาะ 72 นาที หรือ เดินเร็ว 186 นาที หรือทำงานบ้าน 258 นาที ดังนั้น ก่อนที่จะกิน จะได้คิดว่า ควรออกกำลังให้สมดุลกับปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้อ้วน นอกจากนี้จะมีการนำพวงเครื่องปรุงออกจากโต๊ะอาหาร เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ให้ง่ายต่อการปรุงเครื่องปรุงเพิ่ม ซึ่งการปรุงเครื่องปรุงเพิ่มนั้นเป็นเพียงเรื่องที่เคยชิน และติดเป็นนิสัยหากทำให้ปรุงยากขึ้นคนก็จะไม่ปรุงเพิ่มเอง” ทพ.กฤษดา กล่าว
นพ.สามารถ ตันอริยกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร บอกว่า สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ “มหานครแห่งสุขภาพ” ปลูกฝังให้ประชาชนมีความรู้ทางโภชนาการ ภายใต้หลัก 3 อ. ได้แก่ 1 อ.อาหาร ที่มีประโยชน์ในปริมาณเพียงพอและเหมาะสมกับร่างกาย วัย 2 อ.ออกกำลังกาย ที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอเสริมสร้างร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกัน และ 3 อ.อารมณ์ ที่เน้นทำกิจกรรมสร้างความสุข สดชื่น แจ่มใส ให้จิตใจเข้มแข็ง มีสติและมีสมาธิ ซึ่งจะสร้างสุขภาพกาย ใจ และห่างไกลโรคได้ ทั้งนี้ ร้านอาหารส่งเสริมสุขภาพ ในเขตพื้นที่นำร่องของกรุงเทพฯ 4 เขต ได้แก่ เขตบางรัก เขตราชเทวี เขตภาษีเจริญ และเขตหนองแขม ก่อนขยายไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป
ที่มา : วรรณภา บูชา Team content www.thaihealth.or.th