เทศบาลตำบลพุเตย หนุนแนวคิดเปลี่ยนผักพิษให้ปลอดภัย
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ภาพประกอบจากเว็บไซต์สยามรัฐ
เทศบาลตำบลพุเตย หนุนโรงเรียนเกษตรกรปรับแนวคิดเปลี่ยนผักพิษให้ปลอดภัย
ที่ ต.พุเตย อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ นอกจากตำบลแห่งนี้จะได้ชื่อว่าเป็นตำบลสุขภาวะที่สามารถจัดการขยะในพื้นที่ได้ดีก็ไม่ละเลยวิถีเกษตร เพราะอาชีพหลักของประชาชน คือ การทำไร่อ้อย ปลูกข้าวพืชผัก ข้าวโพดทับทิม อย่างไรก็ตามเกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาสารเคมีทางการเกษตรอยู่ ด้วยเหตุนี้ทางเทศบาลตำบลพุเตยจึงเข้ามามีบทบาทในการปูพื้นฐานความรู้เรื่องเกษตรแบบปลอดภัย เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรผลิตพืชผักปลอดภัยสู่ครัวเรือน และตลาดในชุมชน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ทางเทศบาลตำบลพุเตย ได้เปิดโรงเรียนเกษตรกรวิถีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นทางการ โดยได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โรงเรียนเกษตรกรที่ว่านี้ มีกระบวนการเรียนรู้ตลอดหลักสูตร 8 ครั้ง โดยกำหนดให้เรียนเดือนละ 1 ครั้ง
นางเกษร ธรรมสิทธิ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และผู้ดูแลโรงเรียน เกษตรกร กล่าวว่า เนื้อหาหลักสูตรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทำเกษตรปลอดภัยทั้งหมด เช่น ดิน พันธุ์พืช การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว โรค แมลง สารเคมีและการทำสารชีวภัณฑ์ โดยเชิญนักวิชาการเข้ามาสอนกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้เกษตรกรสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และเน้นให้ลดใช้สารเคมีเป็นหลัก เนื่องจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิก ประมาณ 50 คน เป็นกลุ่มที่เคยใช้สารเคมีมาก่อนในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ถ้าทุกคนลดและเลิกใช้ได้ จะส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพ ทั้งของตัวเอง และผู้บริโภค
เมื่อเข้ามาในหลักสูตรของโรงเรียนแล้ว ต้องเข้าร่วมโครงการพืชปลอดภัยด้วยคือ ทำให้ผลผลิตได้รับการรับรองอาหารปลอดภัย Q-GAP จากกรมวิชาการเกษตรโดยเฉพาะข้าวโพดทับทิม หรือข้าวโพดหวานสีแดง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรให้ความสนใจ ถ้าได้รับการรับรองจะสามารถส่งขึ้นห้างสรรพสินค้าได้ หรือหากพบว่ามีแมลงเจาะ ก็สามารถวางขายในตลาดของโรงพยาบาลได้ เพราะข้าวโพดชนิดนี้มีคุณประโยชน์สูงมาก มีสารโฟเลต ต้านการเกิดมะเร็งเต้านม และช่วยลดน้ำตาลในเลือด สามารถนำมารับประทานแบบสดได้ ในการปลูกจึงต้องวางแผนให้รอบคอบ เพื่อให้หมุนเวียนออกสู่ท้องตลาดอย่างเพียงพอ เช่น 1 ไร่ มี 4 งาน ควรทยอยปลูกสัปดาห์ละ 1 งาน จะได้มีผลผลิตต่อเนื่อง" นางเกษร
ทั้งนี้ กระบวนการผลิตจะต้องวางแผนให้รัดกุม แปลงไหน กลุ่มไหนจะผลิตผักอะไร ในช่วงเวลาใด จะได้ตรงกับความต้องการของตลาด และที่สำคัญเกษตรกรจะได้เรียนรู้การทำปุ๋ยอัดเม็ด ปุ๋ยปั้นเม็ดจากมูลสัตว์ ซึ่งแบบปั้นเม็ด เหมาะสำหรับใช้ในนาข้าว ส่วนแบบอัดเม็ดเหมาะใช้กับแปลงพืชผัก เมื่อการผลิตปลอดภัยจากสารเคมี ก็จะส่งผลถึงการบริโภค และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยตามมาอย่างครบวงจร