เทศกาลทำดีหวังผล สร้างสุขภาวะดีอย่างยั่งยืน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แน่นอนว่า การทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนถือเป็นสิ่งดีที่ควรทำ แต่จะดีกว่าหรือไม่หากการลงมือทำความดีในแต่ละครั้งเป็นการทำดีเพื่อหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวางต่อสังคม อย่างกิจกรรม Good Society Expo เทศกาลทำดีหวังผล ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9-11 มิถุนายน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่ผ่านมา
กิจกรรมจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของมูลนิธิเพื่อคนไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ยุวพัฒน์ เอ็นไลฟ ร่วมกับ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และภาคีเครือข่ายกว่า 100 องค์กร เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาคนวัตกรรม และตลาดทุนทางสังคม ร่วมเวทีเสวนาและออกบูธกิจกรรมเพื่อสร้างสังคมที่ดีจากการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อการปรับเปลี่ยนส่วนรวมอย่างยั่งยืน
ตัวแทนหน่วยงานจากภาคธุรกิจอย่าง วีณา อ่องสุจริต กรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า เป็นระยะเวลากว่า 4 ปีกับการขับเคลื่อนโครงการที่มีเป้าหมายในการแก้ประเด็นปัญหาต่างๆ ในสังคม จากโครงการคนไทยขอมือหน่อย สู่เทศกาลทำดีหวังผล ถือได้ว่าเป็นโครงการที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพราะโดยปกติแล้วการทำงานเพื่อสังคมจะเป็นแบบต่างคนต่างทำ แต่โครงการนี้ถือเป็นการรวบรวมคนทำงานจากองค์กรต่างๆ ในหลายมิติ ในการสร้างองค์ความรู้สู่การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สสส. ตัวแทนหน่วยงานจากภาคสังคมที่ส่งเสริมการมีสังคมสุขภาพดี กล่าวว่า เรื่องสุขภาพเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะ 2 ใน 3 ของการเจ็บป่วยเกิดจากปัจจัยทางสังคม สิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต สำหรับประเทศไทยพบว่า ในแต่ละช่วงวัยมีปัญหาสุขภาพที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต่างกันไป เช่น 1.กลุ่มวัยเด็กเล็ก เริ่มมีพฤติกรรมติดรสหวาน โดยทานน้ำหวานวันละแก้วถึง 12% 2.วัยรุ่น มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังขาดทักษะความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ 3.วัยทำงาน เสพติดเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำหวาน และทานหนักในมื้อเย็น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และโรคอ้วนลงพุง และ 4.วัยผู้สูงอายุ ขาดการเตรียมความพร้อมรับสังคมสูงวัย ทั้งรายได้-เงินออมยามเกษียณ โรคประจำตัว รวมถึงการเตรียมที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับผู้สูงอายุ
"สสส.ผนึกกำลังร่วมกับ 16 องค์กรสุขภาพ จัดบูธกิจกรรมเพื่อหวังให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เพราะการมีสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานของการมีสังคมคุณภาพเพราะทุกเรื่องต่างส่งผลข้องเกี่ยวถึงกัน กิจกรรมครั้งนี้ สสส.และเพื่อนภาคีจึงจัดบูธกิจกรรมสร้างพื้นที่สุขภาพ ภายใต้แนวคิด 'สุขภาพดี มีทางเลือก' ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ต่อประชาชนสังคมเมืองที่เข้าร่วมชมกิจกรรมว่า การมีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากตัวเอง หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต สุขภาพร่างกายก็จะเหมือนเดิม และอาจพาให้แย่กว่าเดิมได้ในอนาคต เป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ในมุมมองของ สสส. คือ ต้องการสร้างเสริมให้ประชาชนในสังคมมีสุขภาวะที่ดี ด้วยการนำความรู้และเทคนิคจากโซนสุขภาพในงานกลับไปใช้และบอกต่อคนใกล้ตัว ก็จะเท่ากับเป็นการขยายวงสุขภาวะที่ดีออกไปให้กว้างขึ้น" ดร.ณัฐพันธุ์กล่าว
กิจกรรมที่น่าสนใจในโซนกิจกรรมสุขภาพดี มีทางเลือก มีอยู่หลากหลายกิจกรรมใน 4 ประเด็น 1.ด้านอาหารปลอดภัย ทดสอบปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มหวาน ลานดื่มนมชมดนตรี สวนผักคนเมือง 2.ด้านกิจกรรมทางกาย ชวนขยับวันละ 10,000 ก้าวผ่านแอปพลิเคชันนับก้าวเดิน 3.ด้านปัจจัยเสี่ยง ทดสอบสุขภาพปอดดี๊ดี นวดกดจุดสะท้อนเท้าเลิกบุหรี่ เกมถนนคนเมาที่ให้ใส่แว่นจำลองการเมาแล้วเดินบนถนน และ 4.ด้านจิตอาสา กับกิจกรรมแว่นตานำปัญญา ที่บริจาคแว่นตาแก่เด็กเพื่อใช้ในการศึกษาในพื้นที่ขาดแคลน อีกทั้งยังมีทอล์กโชว์จากศิลปินตัวอย่าง อย่างเช่น โย่ง อาร์มแชร์ หรือนายอนุสรณ์ มณีเทศ ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ในการเลิกบุหรี่ และเก้า-จิรายุ ละอองมณี ที่ร่วมเผยมุมมองทัศนคติเรื่องเพศในสังคม
นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรมสำหรับผู้พิการ Social Inclusion Pavilion ที่มีกิจกรรมดีๆ อาทิ กล่องมีเสียง (คนตาบอด) เสียงการเดินทางและจำลองสถานการณ์เมื่อมองไม่เห็น กล่องจับของ (คนตาบอด) ได้ล้วงมือเข้าไปจับอุปกรณ์ปลูกผัก กล่องดู MV ที่มีคนพูดภาษามือ เป็นต้น
เชื่อเหลือเกินว่า หากทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ได้นำความรู้ เทคนิค ข้อคิดต่างๆ กลับไปใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงร่วมกันบอกเล่าสู่คนใกล้ชิด อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเกิดสังคมที่ดีมีคุณภาพ มากด้วยประชากรที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ อย่างแน่นอน