เตือน ระวังโรคฉี่หนูช่วงหน้าฝน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
สาธารณสุขเตือนโรคฉี่หนูระบาดหลังฝนตกชุก พบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว 12 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร และก่อนลงลุยน้ำทำนาควรสวมรองเท้าบูตหรือเครื่องป้องกันมิดชิด ป้องกันติดเชื้อ
นพ.สุริยา รัตนปริญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุรีรัมย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส ในพื้นที่จังหวัด ว่าตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยด้วยโรคไข้ฉี่หนูเข้ารับการตรวจรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งจังหวัดแล้ว จำนวน 12 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 11 ราย หญิง 1 ราย แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุระหว่าง 55-64 ปี รองลงมาอายุ 45-54 ปี, 25-34 ปี, อายุ 35-44 ปี และกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นปี อาชีพที่มีผู้ป่วยสูงสุดคือ เกษตรกร รองลงมา ทหาร ตำรวจ งานบ้าน และบุคลากรสาธารณสุข โดยเฉพาะเดือนมิถุนายนพบผู้ป่วยถึง 7 ราย ส่วนอำเภอที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดคือ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์, พลับพลาชัย, แคนดง, บ้านกรวด, พุทไธสง และ อ.คูเมือง ตามลำดับ
"ยังมีแนวโน้มผู้ป่วยด้วยโรคฉี่หนูเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกชุก ประกอบกับมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เกษตรกรลงไถหว่านปักดำข้าว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และเสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อได้ง่าย"
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนหรือเกษตรกรที่จำเป็นต้องลงไปสัมผัสน้ำเป็นเวลานาน ควรสวมถุงมือ รองเท้าบูต หรือเครื่องป้องกันอย่างมิดชิด โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลตามร่างกายควรหลีกเลี่ยงการลงสัมผัสน้ำ เพราะเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เมื่อเสร็จภารกิจ หรือขึ้นจากน้ำให้รีบล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย เนื่องจากโรคเลปโตสไปโรซิสเกิดจากการสัมผัสปัสสาวะของสัตว์โดยตรง หรือติดต่อโดยทางอ้อมจากแหล่งน้ำ ทุ่งนา และบริเวณที่มีน้ำขัง
ในรายของประชาชนหรือเกษตรกรที่ลงแช่น้ำเป็นเวลานานแล้วเกิดมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ตัวเหลือง ตาเหลือง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจติดเชื้อโรคไข้ฉี่หนู เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา แต่หากล่าช้า ปล่อยไว้เป็นเวลานาน อาจมีอาการป่วยไข้รุนแรงถึงขั้นไตวาย ช็อกและเสียชีวิตได้.