เตือน!ไม่กินผักเสี่ยงอ้วนลงพุง

แนะเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน-ออกกำลังกายช่วยได้

 เตือน!ไม่กินผักเสี่ยงอ้วนลงพุง

          เตือนคนอ้วนลงพุงระวังโรคร้ายต่างๆ ตามมา พบสาเหตุส่วนใหญ่เกิดกับคนที่ไม่กินผักและผลไม้ และเมินการออกกำลังกาย นักโภชนการด้านอาหารแนะวิธีดูแลตนเองให้ปราศจากโรคอ้วนลงพุงด้วยวิธีง่ายๆ

 

          พญ.รัชดา เกษมทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวว่า metabolic syndrome หรือโรคอ้วนลงพุง เป็นมาตรกรเงียบที่หลายคนคาดไม่ถึง ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมบริโภค กรรมพันธุ์ และการไม่ออกกำลังกาย คนที่อ้วนลงพุงจะมีไขมันสะสมในช่องท้องมากเกินไป ซึ่งไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน จนเกิดภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อต่างๆตามมา เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เป็นต้น ทั้งนี้เราสามารถวางแผนการรับประทานอาหารด้วยการควบคุมน้ำหนัก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ถูกชนิด ปริมาณ และถูกเวลา รวมทั้งเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น

 

          อ.ศัลยา คงสมบูรณ์ นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ให้คำปรึกษาด้านโภชนบำบัด กล่าวว่า แม้ไขมันจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนลงพุงและโรคร้ายต่างๆ แต่ไขมันเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ ทั้งยังเป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นทางออกที่ดี การเลือกชนิดของไขมันหรือน้ำมันที่ดีในการประกอบอาหาร ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนลา เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดระดับคอเลสเทอรอลโดยไม่ลดเอชดีแอล ช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรต์ได้ และสามารถนำไปใช้แทนคาร์โบไฮเดรตได้ด้วย

 

          ด้าน ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล แนะถึงวิธีการกินลดโรคอ้วนลงพุงว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งเราไม่สามารถควบคุมวัตถุดิบในการทำอาหารได้ อย่างน้อยควรทำอาหารทางเองในวันหยุด และหันมาทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ซึ่งคนที่อ้วนลงพุงรวมถึงเด็กๆส่วนใหญ่ไม่ชอบทานผัก แนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยอาจใช้วธีบดผักและผลไม้ผสมลงในอาหารเพื่อง่ายต่อการบริโภค และควบคุมในเรื่องอื่นๆด้วยรวมถึงการออกกำลังกาย วิธีที่ง่ายที่สุดคือ พยายามเดินให้มากขึ้น เป็นต้น

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

 

 

update : 19-08-51

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code