เตือนใจคนเดินทาง ดื่มเหล้าในปั๊มผิดกฎหมาย

ชี้ที่ผ่านมาพบเฉลี่ยสูงขึ้น

เตือนใจคนเดินทาง ดื่มเหล้าในปั๊มผิดกฎหมาย 

          เทศกาลแห่งความสุขของทุกคนในวันขึ้นปีใหม่นี้ กำลังใกล้เข้ามาทุกทีๆ แต่ในทุกปี ภาพที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับเทศกาลแห่งความสุขนี้ และเป็นด้านที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงคือ ภาพของความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน ที่เกิดจากอุบัติเหตุจราจรทางบก ที่สาเหตุกว่าครึ่งมาจากการดื่มแล้วขับ ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฉลี่ยปี 2545-2551 พบว่าในเดือนธันวาคม – มกราคม จำนวนคดีอุบัติเหตุจากการเมาสุราโดยเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 752 คดี ขณะที่มีคดีเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 509 คดี ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่าปีใหม่ที่ผ่านมาช่วง 7. วันอันตราย 4,107 ราย ซึ่งสาเหตุ ร้อยละ 41 มาจากการดื่ม ภาพรวมในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงสงกรานต์ จะเป็นช่วงเวลาที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรทางบก 1 คน ทุกๆ 20 นาที มากกว่าช่วงปกติตลอดปี ถึง 2 เท่า และงานวิจัยของศูนย์วิจัยปัญหาสุราในปี 2549 ชี้ว่า มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมจากการดื่มมีมากกว่า 150,000 ล้านบาท จนเริ่มมีการตั้งคำถามกันแล้วว่านี่คือเทศกาลแห่งความสุขหรือความทุกข์กันแน่

 

          ในปีนี้มาตรการห้ามขายหรือดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งฝ่ายที่เกี่ยวข้องเริ่มมีความจริงจังกันมากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ในมาตรา 27(6) และมาตรา 31(5) โดยผู้ใดที่ฝ่าฝืน ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ข้อมูลจากกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ระบุว่าสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคลอบคลุมทั้งปั๊มน้ำมัน ปั๊มปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG ปั๊มก๊าซธรรมชาติ หรือ NGV รวมไปถึงปั๊มถังลอย และปั๊มหลอดในชุมชนด้วย

 

          ในวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เป็นประธานในการรณรงค์ “เดินทางปลอดภัย ปั๊มทั่วไทยปลอดเหล้า 2552” ที่ปั๊ม ปตท. สาขาเพื่อสวัสดิการ ร1รอ. โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ อาทิ ปตท.บางจาก เอสโซ่ ปิโตรนาส เชลล์ คาลเท็กซ์(เชฟรอน) เป็นต้น โดยนพ.วรรณรัตน์ ได้กล่าวว่า “กระทรวงพลังงานมีนโยบายให้ทุกสถานีฯ ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเคร่งครัด และในปี 2553 ทางกระทรวงจะเพิ่มตัวชี้วัดคุณภาพปั๊มและร้านอาหารใกล้เขตสถานีบริการหรือพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ให้มีการขายหรือดื่มสุราโดยเด็ดขาด โดยจะเริ่มจากปั๊มใหญ่ๆ ซึ่งขณะนี้มีอยู่กว่า 4,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ และจะขอความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขผ่านไปยัง สาธารณสุขตำบล สาธารณสุขอำเภอ และอสม. ช่วยสอดส่องดูแล สร้างความตระหนักให้ ทุกปั๊มปฏิบัติตามกฎหมาย ปลอดจากการขายและดื่มสุรา” นับเป็นสัญญาณดีๆ ที่ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้กันมากขึ้น

 

          อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้การฝ่าฝืนขายเหล้าในเขตปั๊มน้ำมันของผู้ประกอบการอาจจะมีปัญหาน้อย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือร้านขายอาหารที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณปั๊มน้ำมันหรือพื้นที่ใกล้เคียง และการที่ผู้เข้ามาใช้บริการในปั๊มน้ำมันอาจถือเข้ามาดื่มในปั๊มรวมถึงผู้ที่ดื่มต่อเนื่องบนรถแล้วแวะเข้ามาจอดในบริเวณปั๊มแต่ยังดื่มต่อ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจไม่รู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับด้วย ปีใหม่นี้จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และเตือนสติผู้คนให้รู้กฎหมาย ไม่ขายไม่ดื่มในปั๊มน้ำมัน และช่วยกันสร้างความตระหนักในการมีส่วนร่วมลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับอย่างจริงจังโดยมีปั๊มน้ำมันกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศเป็นกำลังสำคัญ

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

Update:22-12-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code