เตือนเกษตรกรไทย ระวังสารพิษเคมี
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
สธ.สำรวจพบเกษตรกรไทยป่วยจากสารเคมีสูงขึ้น 4 เท่า "หนองบัวลำภู" ครองแชมป์ เตือน "ลด ละ เลิก" เสี่ยงมะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นหมัน แถมเซ็กส์เสื่อม
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยมีจำนวน 11.9 ล้านคน จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ พบว่าในรอบ 5 ปี มีผู้ป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพิ่มสูงขึ้น 4 เท่าตัว จากปี 2553 ที่พบผู้ป่วย 1,851 ราย เพิ่มเป็น 7,954 รายในปี 2557 ผู้ป่วยมากสุดที่ จ.หนองบัวลำภู และจากการตรวจคัดกรองความเสี่ยงทางด้านสุขภาพของเกษตรกร เมื่อปี 2558 จำนวน 341,039 พบว่ามีความเสี่ยงไม่ปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้อยละ 32 ดังนั้นตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา กระทรวงจึงมีแนวคิดในการพัฒนารูปแบบการจัดระบบบริการดูแลสุขภาพเกษตรกร
โดยจัดตั้ง “คลินิกสุขภาพเกษตรกร” ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และพัฒนาเป็นการจัดบริการอาชีวอนามัยให้กับแรงงานในชุมชน และตัดบริการประเมิน ตรวจคัดกรองความเสี่ยง รักษาโรคจากการทำงานเบื้องต้นและส่งต่อ นอกจากนี้ยังได้มีการสำรวจสภาพแวดล้อม การประเมินความเสี่ยงในการทำงาน และประสานกับผู้นำชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่นให้คำแนะนำเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของเกษตรกร ลด ละ เลิกการใช้สารเคมี ซึ่งขณะนี้เปิดบริการแล้ว 3,333 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 33 ตั้งเป้าหมายให้ได้ร้อยละ 40 ของรพ.สต.ทั้งประเทศ ในปี 2559 และจะเร่งขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรทุกแห่งต่อไป
ด้าน นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลกระทบจากใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช มีทั้งระยะเฉียบพลัน คือ แสบตา แสบมือ ตาพร่ามัว ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ท้องเสีย แน่นหน้าอก หายใจขัด ส่วนผลระยะยาว ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคผิวหนังเรื้อรัง อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นหมันหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
ทั้งนี้ ในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัยมีดังนี้ 1.อ่านฉลากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชก่อนใช้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 2.ใส่อุปกรณ์ ป้องกันอันตรายจากสารเคมีขณะทำงาน เช่น เสื้อผ้ามิดชิดรัดกุม หน้ากาก ถุงมือ 3.ถอดชุดและอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ขณะฉีดพ่นหรือทำงาน แยกซักจากเสื้อผ้าอื่นๆ แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และ 4.บรรจุสารเคมีจัดอยู่ในกลุ่มขยะอันตราย จึงต้องทิงแยกจากขยะทั่วไป และทิ้งให้ห่างไกลจากแหล่งน้ำป้องกันการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม