ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

แฟ้มภาพ

          สทนช.เผยแม้พายุมังคุดสลายตัว แต่อิทธิพลร่องความกดอากาศส่งผลต่อไทย คาดฝนหนัก 37 จว.ช่วง 20-24 ก.ย.

นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุ "มังคุด" ได้สลายตัวแล้ว แต่ประเทศไทยยังได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศต่ำที่อ่าวเบงกอล ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทั้งนี้จากการคาดการณ์ ฝนตั้งแต่วันที่ 20-24 กันยายน มีฝนตกหนัก 37 จังหวัด ทั้งภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเริ่มมีปริมาณฝนลดลง

          สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำลำน้ำที่สำคัญที่มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งและยังมีฝนตกต่อเนื่อง ได้แก่ แม่น้ำน่าน อ.เวียงสา จ.น่าน, แม่น้ำนครนายก บริเวณ อ.องครักษ์ จ.นครนายก, แม่น้ำปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี, แม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ จ.กาญจนบุรี และแม่น้ำในภาคใต้ คลองละงู บริเวณ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล, คลองนางน้อย ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง

          นายสำเริง กล่าวอีกว่า ได้เฝ้าระวังพิเศษปริมาณน้ำเขื่อนใหญ่ เกินร้อยละ 80  ได้แก่ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร 102% เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี คิดเป็น 97% เขื่อนนฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี 94% เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี 93% เขื่อน ขุนด่านปราการชล จ.นครนายก 86% และเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา 82% ทั้งนี้จะมีการปรับแผนการระบายน้ำตามสภาพน้ำท่าที่ไหลเข้าและต้องติดตามสถานการณ์ฝนในพื้นที่

          ด้านนายเรืองฤทธิ์ ผลดี ปภ. แม่ฮ่องสอน เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์ดินโคลนถล่มในศูนย์อพยพแม่ละอูน ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้สูญหาย 7 รายนั้น ล่าสุดบ่ายวันนี้ได้พบศพเพิ่มอีก 1 ศพ รวมเป็น 3 ศพแล้ว ยังเหลืออีก 4 คนที่สูญหาย สำหรับศพที่พบล่าสุดทีมค้นหาได้พบว่าศพลอยในแม่น้ำสาละวิน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตรในแม่น้ำสาละวินฝั่งเมียนมาร์ การเข้าไปตรวจสอบจะต้องขออนุญาตทางการเมียนมาร์ซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานในเรื่องดังกล่าว