เตือนภัยคุณแม่นักดื่ม ผลร้ายที่คุณคาดไม่ถึง

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)ร่วมกับศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลและ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)จัดเสวนา “คุณแม่นักดื่ม…ผลกระทบกับลูกที่คาดไม่ถึง” เพื่อให้คุณแม่นักดื่มรู้เท่าทันปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์

เตือนภัยคุณแม่นักดื่ม ผลร้ายที่คุณคาดไม่ถึง

จากการศึกษาของศูนย์วิจัยปัญหาสุราในการสำรวจพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของหญิงตั้งครรภ์ปี 2554 จำนวน 772 ราย พบว่า ร้อยละ 30.9 ของผู้หญิงตั้งครรภ์เป็นนักดื่มมาก่อน โดยดื่มในช่วง 12 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ทั้งนี้ ร้อยละ 40.6 ของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นนักดื่มยังดื่มแอลกอฮอล์ต่อเพราะไม่รู้ว่าตนตั้งครรภ์ในช่วงแรก ที่น่าห่วงคือร้อยละ 15.1 ของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นนักดื่มยังคงดื่มแอลกอฮอล์ต่อแม้รู้ว่าตั้งครรภ์ ขณะที่ร้อยละ12.6 ดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์

ภญ.อรทัย วลีวงศ์ภญ.อรทัย วลีวงศ์ นักวิจัยจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า กลุ่มอาการผิดปกติของทารกจากการดื่มแอลกอฮอล์ของมารดาขณะตั้งครรภ์ หรือที่เรียกว่า fasd ส่งผลกระทบต่อทารกทุกด้าน ทั้งร่างกาย สมอง พฤติกรรมและการเรียนรู้ของทารก มีระดับความรุนแรงตั้งแต่แท้งลูกจนถึงพิการแต่กำเนิด หรือส่งผลต่อพัฒนาการของทารกที่ผิดปกติ เช่น การเรียนรู้จดจำ ภาษา การพูด สมาธิสั้น ไอคิวต่ำ

ส่วนอาการแสดงทางกาย เช่น น้ำหนักแรกเกิดน้อย สมองขนาดเล็กกว่าปกติ รูปหน้าและหัวใจผิดปกติ รวมถึงการเจริญเติบโตของแขนขาผิดปกติ ฯลฯ โดยไม่สามารถรักษาให้หายได้ ส่งผลต่อการเลี้ยงดู พฤติกรรมและการดำเนินชีวิต

เตือนภัยคุณแม่นักดื่ม ผลร้ายที่คุณคาดไม่ถึง“เป็นไปได้ที่แม่หลายคนไม่รู้ว่าเหล้ามีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือบางรายอาจทราบแต่ไม่สามารถเลิกดื่มได้เพราะมีภาวะติดเหล้า ข้อมูลน่าตกใจพบว่ามีเด็กไทยมากถึง 89,000 คนต่อปีอยู่ในความเสี่ยงการเกิดอาการ fasd ดังนั้น สาวนักดื่มหากคิดว่ามีโอกาสตั้งครรภ์หรือวางแผนตั้งครรภ์ ให้งดดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงช่วงให้นมบุตรห้ามดื่มเด็ดขาด เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถผ่านทางน้ำนม

ขณะที่สามีต้องช่วยเป็นกำลังใจในการเลิกดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจากการสอบถามพบว่าหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ดื่มแอลกอฮอล์กับสามีมากกว่าดื่มกับเพื่อน นอกจากนี้หญิงที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์มักซื้อยาแผนโบราณมาดื่มเพื่อขับประจำเดือน” ภ.ญ.อรทัยกล่าว

พ.ญ.ปาฏิโมกข์ พรหมช่วย ด้าน พ.ญ.ปาฏิโมกข์ พรหมช่วย แพทย์เชี่ยวชาญสาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น กล่าวว่า หากแม่มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรงตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเด็กต้องการการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด แต่หากแม่ดื่มแอลกอฮอล์จะไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เด็กขาดความรักความผูกพัน

ขณะเดียวกันแม่ที่ดื่มแอลกอฮอล์มีอารมณ์ที่ไม่คงที่ ขึ้นๆ ลงๆ บางครอบครัวมีการทะเลาะเบาะแว้งใช้ความรุนแรงทำให้เด็กเกิดความเครียดและซึมซับพฤติกรรมรุนแรงได้ง่าย

จากรายงานในต่างประเทศพบว่า กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อมที่มีการใช้สารเสพติดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อเด็กเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะใช้สารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์ 2-9 เท่า

นางจันทร์จิรา เงินนาคนางจันทร์จิรา เงินนาค อายุ 39 ปี แม่ของน้องโอเว่น อายุ 3 ขวบ ซึ่งมีปัญหาด้านพัฒนาการผิดปกติ พูดไม่ได้ สมาธิสั้น เล่าว่า ช่วงที่เริ่มตั้งครรภ์นั้นตนมีปัญหาส่วนตัวหลายด้านจนเกิดความเครียด และหาทางระบายด้วยการดื่มเหล้าแทบทุกวันจนติดเหล้า ตอนนั้นไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ จนมารู้ภายหลังว่าตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน แต่ยังไม่สามารถเลิกดื่มเหล้าได้ทันที เพราะมีอาการติดเหล้าและยังเครียดอยู่มาก

จนกระทั่งคลอด น้องดูปกติทุกอย่างเหมือนเด็กทั่วไป แต่เมื่ออายุได้ 3-4 เดือนเริ่มพบว่ามีพัฒนาการผิดปกติ สังเกตจากที่น้องไม่มองหน้าหรือสบตาเวลาแม่เรียก กระทั่งอายุได้ 1 ขวบอาการผิดปกติเริ่มแสดงออกชัดเจน จึงพาไปพบแพทย์และวินิจฉัยว่าน้องเป็นโรคสมาธิสั้นหรือออทิสติก ซึ่งเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือกรรมพันธุ์และปัจจัยเสี่ยงจากการที่แม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรือเสพยาเสพติดขณะตั้งครรภ์

“ที่น้องมีพัฒนาการผิดปกติเกิดจากที่ตัวเองดื่มเหล้าขณะตั้งท้อง เพราะในประวัติตัวเองไม่เคยมีญาติหรือคนในครอบครัวเคยเป็นมาก่อน อีกทั้งก่อนหน้านี้ตอนตั้งท้องลูกคนแรกไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ลูกคนแรกจึงมีภาวะปกติ รู้สึกเสียใจมาก หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ดื่มเหล้าเด็ดขาด จึงอยากฝากเตือนคุณแม่ทุกคนที่กำลังตั้งครรภ์ให้เลิกดื่มเหล้าเพราะจะส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง และคนที่จะต้องเสียใจที่สุดคือตัวของเราเอง“นางจันทร์จิรากล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Shares:
QR Code :
QR Code