เตือนภัย”ครีมกัดผิว”เร่งขาว
น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังนิยมการมีสีผิวขาว ใส เพราะเชื่อว่าสามารถทำให้ดูดีขึ้น ดูสดใสเหมือนชาวเกาหลี โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นชาย-หญิง และเริ่มแพร่หลายในกลุ่มนักเรียนมัธยมต้น โดยเฉพาะสาวประเภทสองจะฮิตใช้มาก เนื่องจากเข้าใจว่าทำให้ผิวขาวเนียนเหมือนผู้หญิง และทำให้ขนตามแขนขาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีทอง ดูไม่น่าเกลียดเมื่อใส่ชุดโชว์เรือนร่าง จึงหันมาใช้ครีมเปลี่ยนสีผิว เนื่องจากราคาถูก ใช้แล้วเห็นผลเร็ว หาซื้อง่ายตามตลาดนัด ร้านเสริมความงาม และมีขายทางอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก
น.พ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า ครีมเปลี่ยนสีผิวนั้น จะมีส่วนผสมหลักก็คือสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogenperoxide) สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนระคายเคืองสูง อาจทำให้เกิดระคายเคือง แสบ คัน และเป็นผื่น จะมีลักษณะเป็นน้ำ ในทางการแพทย์นำมาใช้ในการทำความสะอาดแผลที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น แผลลึก ปากแผลแคบ จากตะปูตำ ถูกแทง เป็นต้น เมื่อถูกบาดแผลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะกลายเป็นฟอง สามารถชำระสิ่งสกปรก เชื้อโรค เศษดินต่างๆ ที่อยู่ในแผลออกมา โดยในการใช้จะนำมาผสมกับน้ำ ในสัดส่วนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ส่วนต่อน้ำ 20 หรือ 30 ส่วน เป็นต้น นอกจากนี้ สารดังกล่าวยังมีการนำมาใช้กัดสีผม ย้อมผม ผสมในยาสีฟัน กัดสีขน และใช้ในอุตสาหกรรมบางประเภท
ด้าน น.พ.จิโรจ สินธวานนท์ ผอ.สถาบันผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า การนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มาใช้กับผิวโดยตรง ถือว่าเป็นการนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะไม่ได้มีข้อบ่งชี้กำหนดว่าให้ใช้สารนี้ในการฟอกสีผิว แต่เพราะค่านิยมในปัจจุบัน จึงมีการนำมาใช้ผสมในครีมกัดผิวในเปอร์เซ็นต์ที่มีความเข้มข้นสูง เมื่อนำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือครีมที่ส่วนผสมของสารนี้มาใช้กับผิวหนัง เพื่อหวังให้ผิวขาว สารนี้จะไปกัดผิวชั้นนอกออก จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้นจริง แต่จะขาวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และหากใช้ตั้งแต่อายุยังน้อย และใช้บ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังซึ่งเป็นเกราะป้องกันโดยธรรมชาติเสื่อมหรือบางลง เมื่อทาครีมหรือสารชนิดอื่นที่ผิวหนัง ก็จะเกิดการซึมซับของสารได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
น.พ.จิโรจ ระบุว่า ผิวหนังที่ผ่านการใช้สารกัดผิวมาแล้ว จะทนทานต่อแสงแดดน้อยลง เนื่องจากสารเม็ดสีในผิวหนังที่เรียกว่าสาร “เมลานิน” (melanin) โดนฟอกออกไปด้วยทำให้สารเม็ดสีน้อยลง หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดอาการผิวแพ้ง่าย เมื่อโดนแสงแดด เหงื่อออกหรืออยู่ในที่ร้อนๆ ผิวหนังจะตึง และมีอาการแสบ คัน หากโดนแสงแดดซ้ำบ่อยๆ อาจทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวก่อนวัยอันควรได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเซลล์ผิวหนังที่มีเม็ดสีน้อย เมื่อโดนแสงแดดมากๆ หรือเป็นเวลานานๆ จะถูกทำลายลึกไปถึงระดับโมเลกุลและระดับดีเอ็นเอด้วย จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นตุ่ม เป็นเม็ดแข็ง เป็นเนื้องอกผิวหนัง มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าผิวธรรมดา แม้ว่ามะเร็งผิวหนังจะเป็นมะเร็งที่มีลำดับความรุนแรง มีการกระจายตัวน้อยกว่ามะเร็งอื่นๆ ก็ตาม แต่หากละเลยหรือมีการวินิจฉัยที่ผิดพลาด จะมีโอกาสเกิดแผลขนาดใหญ่ เกิดปัญหาในการรักษา อาจต้องตัดหรือคว้านอวัยวะส่วนที่เป็นนั้นออกไป
ผอ.สถาบันผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวต่อไปว่า อยากจะทำความเข้าใจวัยรุ่นว่า ผิวคนเรานั้นเกิดจากพันธุกรรม สายพันธุ์แตกต่างกันไป ซึ่งผิวทุกสีทุกลักษณะจะดูดีในแบบของตัวเอง บางคนที่ผิวเข้มก็สามารถทำให้ผิวเนียน สวย ดูดีได้ ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ คาร์โบไฮเดรต วิตามินอี และวิตามินซี หรืออาหารที่มีแอนติออกซิแดนต์ เช่น ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอต เพื่อดักของเสียออกจากร่างกายหรือผิวหนัง ทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังอาบน้ำเช้า เย็น หรือทาบ่อยๆ เท่าที่ต้องการ รวมทั้งทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพราะผิวหนังเป็นอวัยวะที่มีชีวิตและต้องการน้ำเป็นส่วนประกอบ และควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด