เตือนคนงานอู่ต่อเรือ เสี่ยง”โรคพิษตะกั่ว”
แนะปรับพฤติกรรมการใช้ “เสน”ซ่อมเรือ
เตือนคนงานอู่ต่อเรือเสี่ยงโรคพิษตะกั่ว เหตุขาดความระวังในการใช้ “เสน” หากสะสมในร่างกายมากอาจถึงตาย นักวิจัยแนะปรับพฤติกรรมหมั่นดูแลตนเอง ช่วยลดความเสี่ยงปนเปื้อนสารตะกั่วสู่ครอบครัว
อุตสาหกรรมประมงมีสำคัญของไทยที่สร้างมูลค่ามหาศาลทางเศรษฐกิจ ตลอดจนผลิตอาหารเลี้ยงดูคนไทยมานาน โดยชาวประมงอีกจำนวนมากที่ต้องอาศัยเรือไม้ในการจับสัตว์น้ำ เรือเหล่านี้เมื่อใช้ไปนานๆ จะเกิดรอยรั่วระหว่างแผ่นไม้กระดาน จึงจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมทุก 1 – 2 ปี
ทั่วประเทศไทยมีอู่ซ่อมเรือกว่า 200 แห่ง และในภาคใต้มีทั้งสิ้น 63 แห่ง กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ยกเว้นจังหวัดพัทลุง ยะลา และนราธิวาส งานในอู่ซ่อมเรือเป็นลักษณะงานที่ปฏิบัติงานกลางแจ้ง ประกอบด้วยการทำงานหน้าที่ต่างๆ กัน เริ่มต้นจากคนงานทำหน้าที่นำเรือขึ้นคานเรือเพื่อซ่อมเรือ ขัดสีเก่าและเพรียงที่เกาะอยู่บนเรือออก เมื่อมีส่วนใดของเรือชำรุดก็ให้คนงานในหน้าที่นั้นๆ ซ่อมแซม ซึ่งประกอบไปด้วย ช่างกล, ช่างกลึง, ช่างไม้ และช่างหมัน ในส่วนของช่างไม้เมื่อมีการซ่อมแซมในส่วนของไม้ที่ผุพังหรือชำรุดแล้ว ช่างตอกหมันก็จะทำหน้าที่ในการอุดแนวรอยต่อของไม้เพื่อป้องกันไม้ผุ
ในขั้นตอนการตอกหมันนี่เอง พบว่าเป็นกระบวนการที่อาจเป็นเหตุให้คนงานหรือช่างซ่อมเรือสัมผัส “เสน” หรือปูนแดงซึ่งเป็นสารประกอบตะกั่วออกไซด์ และมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารตะกั่วและอาจเป็นโรคพิษตะกั่ว ซึ่งส่งอันตรายต่อชีวิตของคนงานและครอบครัวได้
จากผลการวิจัยเรื่อง “ความสัมพันธ์ของงานและพฤติกรรมต่อการปนเปื้อนสารตะกั่วของคนงานซ่อมเรือในอู่ต่อเรือและที่พักอาศัย” โดยอาจารย์จำนง ธนภพ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และ ดร.อลัน กีเตอร์ หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ (วพส.) แสดงให้เห็นว่าคนงานซ่อมเรือในอู่ต่อเรือเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะช่างเสนมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับพิษจากสารตะกั่ว โดยการปนเปื้อนจากกระบวนการทำงานซึ่งใช้ “เสน” ผสมกับน้ำมันยาง ชัน ในการอุดรอยต่อไม้กระดาน
การวิจัยพบว่า 48% ของคนงานทั้งหมด และ 67% ของช่างหมันในอู่ซ่อมเรือมีระดับสารตะกั่วในเลือดเท่ากับหรือสูงกว่าค่ามาตรฐาน นอกจากนี้คนงานยังมีพฤติกรรมที่อาจนำสารตะกั่วจากที่ทำงานกลับไปปนเปื้อนที่พักอาศัยโดยไม่รู้ตัว และจากการเก็บข้อมูลก็สามารถยืนยันได้ว่าในที่พักอาศัยของช่างหมันมีปริมาณสารตะกั่วสูง ซึ่งอาจทำให้คนในครอบครัวได้รับโลหะหนักนี้เข้าสู่ร่างกาย
“ปัญหาที่เกิดขึ้นและอาจส่งผลต่อสุขภาพของคนงานในอู่ต่อเรือและครอบครัวไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่าสารตะกั่วเป็นอันตราย แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเขาไม่รู้ว่า “เสน” ซึ่งช่างซ่อมเรือใช้ในขั้นตอนการอุดแนวรอยต่อของไม้กระดานเพื่อป้องกันไม้ผุนั้นมีส่วนผสมของสารตะกั่ว ซึ่งถ้าได้รับและสะสมในร่างกายเกินค่ามาตรฐานอาจมีผลต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายและเสียชีวิตได้ ดังนั้น คนงานเหล่านี้จึงขาดความระมัดระวังในการใช้เสน และที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นคือ การสัมผัสสารประกอบตะกั่วนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะในที่ทำงานเท่านั้น แต่คนงานอาจนำสารตะกั่วกลับไป ปนเปื้อนที่พักอาศัย หรืออาจติดไปกับยานพาหนะ เสื้อผ้าหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย เนื่องจากไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับบ้าน ทำให้สมาชิกในบ้านโดยเฉพาะเด็กอาจสัมผัสสารตะกั่วและก่อให้เกิดโรค”
ดังนั้น เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและได้รับพิษจากสารตะกั่วของคนงาน อู่ซ่อมเรือจะต้องแบ่งโซนการทำงานที่มีเสนหรือตะกั่วแยกจากพื้นที่อื่นๆ พร้อมทั้งจัดเตรียมอ่างล้างมือ ห้องอาบน้ำ เครื่องมือป้องกันอันตรายส่วนบุคคล เช่น หน้ากาก ถุงมือ ชุดปฏิบัติงาน รองเท้าบู๊ต แก่คนงานที่ต้องสัมผัสเสน และคนงานไม่ควรนำอาหาร – เครื่องดื่มเข้าไปรับประทานในขณะทำงาน และควรล้างมือ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนกลับบ้านเมื่อเสร็จสิ้นจากการปฎิบัติงานในแต่ละวัน ที่สำคัญคือไม่ควรให้บุคคลภายนอก โดยเฉพาะเด็กเข้าเข้าไปในบริเวณที่มีการปนเปื้อนของสารตะกั่ว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
update 18-06-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก