เตรียมแพทย์เฉพาะทางรักษา`หมูป่า`
ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน14ชั้นโรงพยาบาลเชียรายประชานุเคราะห์อ.เมืองเชียงรายจ.เชียงรายนายแพทย์เจษฎาโชคดำรงสุขปลัดกระทรวงสาธารณสุขนายแพทย์ธงชัยเลิศวิไลรัตนพงศ์ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่1นายแพทย์ทศเทพบุญทองนายแพทย์สาธารณสุขจ.เชียงรายและนายแพทย์ไชยเวชธนไพศาลผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้ตรวจดูห้องสามัญอุบัติเหตุชั้น8ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ใช้ดูแลรักษานักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าที่ยังอยู่ภายในถ้ำหลวงวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนต.โป่งผาอ.แม่สาย
โดยนายแพทย์เจษฎากล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนบุคลากรยาและอาหารในการช่วยเหลือทั้ง13คนมาอย่างต่อเนื่องและเมื่อพบตัวแล้วก็จัดเตรียมสถานที่โดยพร้อมทั้งการรองรับกรณีเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากจุดเกิดเหตุไปยังฝูงบิน416 (สนามบินเก่า)ใกล้กับโรงพยาบาลระยะเวลาประมาณ15นาทีและกรณีเดินทางโดยรถยนต์ใช้ระยะเวลาประมาณ1ชั่วโมง
สำหรับห้องสามัญอุบัติเหตุดังกล่าวถูกจัดให้มีศักยภาพเทียบเท่าห้องผู้ป่วยหนักหรือไอซียูที่มีผู้ดูแลชนิดคนต่อคนและมีการจัดสถานที่พักเฉพาะให้ญาติที่ได้แจ้งลงทะเบียนเอาไว้กว่า50คนเพื่อให้สามารถเข้าเยี่ยมบุตรหลานได้เป็นระยะๆนอกจากนี้กรณีญาติหรือเจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติงานที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนหากพบอาการป่วยสามารถแจ้งแพทย์ได้โดยมีการมอบบัตรเฝ้าระวังโรคให้คนละใบและมีสายด่วน053-910-600ต่อ22222กรณีป่วยด้วย
นายแพทย์เจษฎากล่าวด้วยว่า แนวทางการดูแลรักษาทั้ง13คนต้องประเมินอาการโดยแพทย์ก่อน5-7วันหลังออกจากถ้ำโดยเริ่มต้นด้วยการปรับอาหาร3-7วันซึ่งก็ต้องดูก่อนว่าจะออกจากถ้ำได้เมื่อไหร่หากยังอยู่ในถ้ำนานและเสร็จสิ้นขั้นตอนให้อาหารเหลวแล้วก็จะส่งอาหารปกติเข้าไปให้เพื่อให้ร่างกายปรับตัวแต่เท่าที่ทราบพบว่าทั้งหมดสุขภาพกายแข็งแรงและพูดคุยได้สุขภาพจิตดีสดชื่นส่วนหนึ่งคือเกิดจากกำลังใจที่ได้รับ หากเมื่อเด็กๆเดินทางมาถึงโรงพยาบาลสิ่งที่ต้องทำคือตรวจเลือดตรวจหาเชื้อตรวจอาการต่างๆและจากประวัติพบว่ามีผู้ที่มีอาการหอบหืดจำนวน2คนจึงได้จัดแพทย์เฉพาะทางด้านทางเดินหายใจและปอดรองรับแล้ว
นายแพทย์เจษฎากล่าวอีกว่าภายในถ้ำที่มืดที่ไม่มีคนหรือสิ่งมีชีวิตก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันว่าจะมีเชื้อโรคต่างๆหรือไม่ดังนั้นเราจึงต้องจัดให้ห้องสามัญอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นห้องปลอดเชื้อผู้เข้าออกต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและเสื้อผ้าที่จัดเตรียมไว้ภายในห้องมีระบบตรวจหัวใจเครื่องกระตุ้นหัวใจดูดเสมหะตรวจชีพจรฯลฯเทียบเท่าห้องไอซียูส่วนทั้ง13คน เริ่มแรกคงต้องให้ใส่แว่นตากันแดดหรือใช้ผ้าปิดก่อนโดยจักษุแพทย์ดูเป็นการเฉพาะสำหรับสุขจิตของญาติๆกรมสุขภาพจิตแจ้งว่าก่อนมีข่าวพบทั้ง13คนภายในถ้ำได้มีผู้ปกครองมีอาการซึมเศร้าจำนวน6คนแต่หลังจากพบทั้งหมดก็มีอาการดีขึ้นอย่างมาก
"ช่วงแรกคงต้องให้ทั้งหมดอยู่ในห้องดูแลก่อน1-2วันโดยให้ผู้ปกครองและญาติอยู่ที่บ้านพักก่อนจากนั้นจึงเปิดให้เข้าเยี่ยมได้แต่ยังคงให้สวมเสื้อเสื้อผ้าและหน้ากากอนามัยให้มิดชิดรวมทั้งอยู่ห่างระยะ2เมตรกระนั้นเนื่องจากพบว่าทั้ง13คนสุขภาพแข็งแรงจึงจะดูอาการและตัดสินใจเรื่องการดำเนินการกันเป็นครั้งๆไปในปัจจุบันทีมแพทย์รักษามีการติดต่อทางวิดิโอคอนเฟอร์เร้นท์กับภายในถ้ำแล้วเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและรองรับกรณีนำเดินทางไปถึงโรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนการจะสรุปได้ว่าทั้ง13คนจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้หลังกระบวนการผ่านพ้นไป5-7วันแล้วหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้เพราะต้องผลการตรวจต่างๆก่อนโดยเฉพาะการตรวจบางเชื้อต้องส่งไปยังกรุงเทพฯและต้องปรับดูผลกันวันต่อวันด้วย"นายแพทย์เจษฎากล่าว.