เตรียมสุขภาพอย่างไร…เมื่อภัยหนาวมาเยือน
ช่วงต่อปลายฝนพอเริ่มจะมีลมหนาวมาให้รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนฤดู ภาวะน้ำท่วมก็มาเยือนทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในหลายพื้นที่ จนถึงขณะนี้ความหนาวเย็นก็ถาโถมมาซ้ำเติม ที่ได้รับผลกระทบหนักกว่าก็เห็นจะเป็นภาคเหนือและภาคอีสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมอุตุนิยมวิทยาก็พยากรณ์ว่าปีนี้ประเทศไทยจะมีอากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบ 30 ปี และจะกินเวลายาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา
อากาศหนาวเย็นอาจเป็นช่วงเวลาน่าพิสมัยของใครหลายคนที่นิยมชมชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติตามดอยและป่าเขา แต่สำหรับผู้ที่ต้องทนทุกข์กับสภาพอากาศหนาวจัดโดยเฉพาะชาวเหนือและอีสานกลับต้องเตรียมพร้อมรับกับสภาพอากาศที่จะทวีความรุนแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้วมีรายงานผู้เสียชีวิตจากอากาศหนาวจัดอย่างน้อย18 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี เด็กทารก ผู้ดื่มสุรา และผู้มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคหอบหืด และโรคหัวใจมาปีนี้หน่วยงานต่างๆ ก็เตรียมรับมือภัยหนาวกันตั้งแต่เนิ่นๆอย่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ได้ประกาศให้พื้นที่จังหวัดที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 3 วันเป็นพื้นที่ภัยหนาว ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขก็ออกประกาศเตือนประชาชนในการป้องกันภัยหนาวที่กำลังมาเยือน
เรื่องของภัยหนาวที่ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้นั้น ลักษณะและความเสี่ยงของการเสียชีวิตมักเกิดจาก
o เครื่องนุ่งห่มหรือผ้าห่มกันหนาวไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเด็กทารก เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
o นอนหลับใกล้กองไฟo ดื่มสุราแก้หนาวแล้วหลับไป
o นอนหลับในที่อับอากาศเพื่อหลบลมหนาว เช่น นอนในถังปูนจนขาดอากาศหายใจ
o มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจการเสียชีวิตจากภัยหนาวนั้น นอกจากมีปัจจัยในเรื่องของระดับอุณหภูมิต่ำที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยตรงแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อเนื่อง โดยเฉพาะสภาพอากาศหนาวเย็นที่ส่งผลให้เกิดโรคภัยต่างๆ แทรกซ้อนได้ง่ายในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังโรคหน้าหนาวที่มักพบบ่อย ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัดหัดเยอรมัน โรคสุกใสและอุจจาระร่วง รวมถึงโรคที่เกิดจากสภาพอากาศที่แห้ง เช่น โรคผิวหนัง
การป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในช่วงหน้าหนาว สิ่งที่ควรทำก็คือรักษาร่างกายให้อบอุ่น เช่น ใส่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นและป้องกันอากาศหนาวเย็นได้ดีรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และให้พลังงานจำพวกแป้ง ไขมัน น้ำดื่มอุ่นๆ และออกกำลังกายพอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อรู้สึกเจ็บป่วยไม่สบายต้องรีบรักษาโดยไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยเร็วเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในหน้าหนาว
นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยก็ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
o หลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพื่อแก้หนาว ซึ่งนอกจากไม่ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้ว ยังมีผลเสียทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้
o การผิงไฟควรทำในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้อย่าทำในที่อับอากาศเช่น ในเต็นท์ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารพิษเข้าสู่ทางเดินหายใจได้
o ไม่ควรนอนในที่แจ้งลมโกรก โดยไม่มีเครื่องป้องกันความหนาวเย็นให้ร่างกาย
o การนอนไม่ควรห่มผ้าคลุมศีรษะจนหมด อย่านำเด็กเล็กเข้าใกล้ควันไฟ
o อย่าคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
การเตรียมตัวดูแลสุขภาพตนเองไม่ว่าจะหน้าหนาวหรือฤดูไหน ล้วนเป็นเรื่องจำเป็นที่จะทำให้เราพ้นจากความเจ็บไข้ และที่สำคัญต้องปรับพฤติกรรมตัวเองไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน พึงระลึกไว้เสมอว่า…. “สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเรา”
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน