“เด็กไทย รู้ไหม นมดื่มง่าย อร่อยและได้คุณค่า”

/data/content/19462/cms/cjmquy145689.jpg

“ดื่ม ดื่ม ดื่ม….เรามาดื่ม ดื่มนมกันเถอะ ดื่มนมเยอะๆ ร่างกายแข็งแรง” เชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยร้องเพลงนี้เมื่อสมัยยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลเป็นแน่ เราต่างได้รับการปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็กให้ดื่มนมเยอะๆ นั่นเป็นเพราะนมอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญอย่าง แคลเซียม โปรตีน ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตต่อร่างกายและสติปัญญาอย่างมาก

‘เด็กไทยอ้วน เตี้ย ผอม’

แต่ปัจจุบันพบว่า เด็กไทยอ้วน เตี้ย ผอม มีอัตราการดื่มนมต่ำกว่าเด็กทั่วเอเชีย และทั่วโลก ส่วนความสูงเฉลี่ยอยู่เกณฑ์ค่อนข้างเตี้ย

อ.แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการบำบัดและผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ อธิบายให้ฟังว่า ลักษณะอ้วน เตี้ย และผอม ในเด็กไทย พบได้ 2 แบบคือ ผอมเตี้ย เป็นภาวะโภชนาการขาด มักพบในต่างจังหวัด ส่วนในเมืองใหญ่มักพบเด็กอ้วนเตี้ย ซึ่งเป็นภาวะโภชนาการเกิน ทั้งสองแบบมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต ทั้งร่างกาย และสติปัญญาของเด็กโดยตรง

“เด็กที่มีลักษณะผอมเตี้ย จะมีสติปัญญาต่ำกว่าปกติ ส่วนเด็กอ้วน จะเสี่ยงต่อการเป็นผู้ใหญ่อ้วน และเกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรังได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ฯลฯ”  อ.แววตาบอก

‘นมดื่มง่าย แต่ทำไมดื่มน้อย’

นักโภชนาการคนเก่ง บอกว่า ปัจจุบันนี้ มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย อย่างน้ำหวาน น้ำผลไม้สำเร็จรูป ซึ่งมีรสหวาน เด็กๆ จะชอบเพราะอร่อยกว่านมที่มีรสจืดเมื่อได้กินบ่อยๆ ก็ติด ถึงแม้ว่า นมจืดมีรสหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ไม่หวานเท่าน้ำตาล เด็กจึงไม่ชอบดื่มนม

เด็กๆ ช่วงวัย 1-3 ขวบ หากไม่ได้ดื่มนมแม่ และผู้ปกครองให้ดื่มนมกล่อง หรือนมชงที่มีรสหวานอย่าง รสวานิลา ช็อกโกแลต ฯลฯ เด็กๆ ก็จะดื่มนมจืดไม่ได้ ส่วนนมที่มีรสหวานเมื่อมีการแทนที่ด้วยน้ำตาล ปริมาณแคลเซียมก็ลดน้อยลงไปด้วย

/data/content/19462/cms/cdefmqtvx147.jpg

‘ลดหวาน หันมาดื่มนม’

“นอกจากน้ำหวานต่างๆ แล้ว ผลิตภัณฑ์จากนมก็ให้ความหวานมากไม่แพ้กัน เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว โดยปกติจะไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม แต่บ้านเราจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลเยอะมาก อย่างนมเปรี้ยวขนาด 400 มล. มีน้ำตาลเฉลี่ยแล้วมากกว่า 10 ช้อนชา  แม้จะโฆษณาว่า โลว์แฟต (Lowfat) แต่ที่จริงแล้วก็มีความหวานเท่าเดิม

หากลูกชอบหรือติดนมรสหวานแล้ว ผู้ปกครองสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการดื่มนม ได้ อาจใส่ผลไม้สดอย่าง มะม่วง กล้วย มะละกอ แตงโม องุ่น หรือธัญพืชอย่าง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ข้าวโพด ลงไปในนมจืด หรือโยเกิร์ตธรรมชาติเพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร และรสหวานธรรมชาติ” นักโภชนาการคนเก่งอธิบาย

/data/content/19462/cms/dfhqsuvwy256.jpg

‘นมจืด คุณค่าทางอาหารเพียบ’

“นมจืดมีแคลเซียมมากกว่านมชนิดอื่น หากเป็นนมโคแท้ หรือนมผงผสมน้ำก็จะมี 99-100 เปอร์เซ็นต์เป็นนมโคแท้ แต่ถ้ามีส่วนผสมของน้ำตาล ความหวานก็จะแทนที่ปริมาณแคลเซียมในนมให้ลดลงไปด้วย สารอาหารหลักในนมมีทั้ง แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ถ้าเทียบกับอาหาร ในนม 1 แก้ว มีข้าว 1 ทัพพี และไข่ 1 ฟอง นมมีโปรตีน และ น้ำตาลธรรมชาติในนมช่วยดูดซึมแคลเซียมได้ดี

ส่วนแคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยเฉพาะในกระดูกและฟัน เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการตลอดเวลาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนเติบโตเป็นเด็กถึงวัยชรา โดยวัยเด็กและวัยชราต้องการแคลเซียมในปริมาณเท่ากัน และต้องการมากกว่าวัยผู้ใหญ่ แต่ทุกช่วงวัยต้องได้รับแคลเซียมไม่น้อยกว่า 800-1000 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ควรให้เด็กดื่มนมวันละ 2 แก้ว  จะเป็นนมวัว หรือนมถั่วเหลืองก็ได้” อ.แววตาอธิบาย

/data/content/19462/cms/acdgikqtuwxy.jpg

‘แคลเซียมมีอยู่ในอะไรบ้าง?’

นักโภชนาการคนเก่ง แนะนำว่า แคลเซียมมีมากในนมวัว ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส โยเกิร์ต ฯลฯ เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ ผักใบเขียวต่างๆ ปลาเล็ก หรือ ปลาที่กินได้ทั้งกระดูก อย่าง ปลาข้าวสาร ปลาซิว เป็นต้น รวมทั้ง งาดำ ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มีแคลเซียม 100 มิลลิกกรัม

ผู้ปกครองควรสรรค์สร้างเมนูอาหารให้ลูกด้วยส่วนประกอบจาก นม ไข่ เต้าหู้ ลงในอาหารด้วย เนื่องจากไข่มีแคลเซียมถึง 63 มิลลิกรัม และยังมีโปรตีนที่ดีอยู่ อย่างเช่น เต้าหู้ทรงเครื่อง แกงจืดเต้าหู้ เต้าหู้นมสด ฯลฯ

“วัยเด็กเป็นรากฐานที่ดีในการสร้างเสริมแคลเซียม เพื่อให้ภาวะกระดูกแข็งแรง ผู้ปกครองควรใส่ใจเรื่องอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และเสริมอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะกระดูกผุและพรุนในอนาคตได้”อ.แววตา ฝากทิ้งท้าย

 


เรื่องโดย พิมพ์ชนก ศรเพชร  Team Content www.thaihealth.or.th 

Shares:
QR Code :
QR Code