เด็กเคลื่อนไหวเพิ่มการเรียนรู้ 2 เท่า
ที่มา : เดลินิวส์
ภาพประกอบจากแฟนเพจ Active Play Active School
ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็จะส่งผลต่อการเรียน ครูจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะนำการออกกำลังกายมาประยุกต์กับการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งร่างกายและสมอง เป็นไปตามวุฒิภาวะของเด็ก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้จัดกิจกรรมโรดโชว์โรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานี ตาม โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้และแนวคิดให้กับครูทั่วประเทศในการนำเอาความรู้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเรียนการสอน โดยมีกิจกรรมสำหรับเด็กใน 2 ช่วงวัย ทั้งเด็กเล็ก หรือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และกิจกรรมสำหรับเด็กโต หรือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 เช่น ฐานวิ่งลอดเชือก (Jump Loop) ที่บูรณาการความรู้มาจากวิชาคณิตศาสตร์และนันทนาการเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพัฒนาการทางด้านสมอง การประมาณการ และเพิ่มทักษะการเคลื่อนไหวของเด็กๆ หรือจะเป็น ฐานบอลหรรษา (The Lucky Ball) ที่จะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารการเคลื่อนไหวและทรงตัว การเชื่อมโยงประสาทสัมผัส และสอนให้รู้จักความสามัคคี เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกาย หรือเพิ่มกิจกรรมทางกาย ได้ในชีวิตประจำวัน
รศ.สมควร โพธิ์ทอง กล่าวว่า 4 ปัจจัยที่สำคัญที่ควรเสริมสร้างการเรียนให้ควบคู่กับการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม คือ อารมณ์ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มิตรภาพ และการทำงานร่วมกัน ถ้าครูให้เด็กได้มีโอกาสเคลื่อนไหว มีกิจกรรม มีเกมให้เด็กเล่น ในช่วงระหว่างการเรียนการสอน จะทำให้เขาพัฒนาได้ถึง 2 เท่า เพิ่มขึ้นกว่าการนั่งเรียนนิ่งๆ เพียงอย่างเดียว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า กิจกรรมโรดโชว์จะเน้นส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอ ตามข้อเสนอระดับสากลที่แนะนำ เด็กควรมีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงหนัก ประมาณ 60 นาทีต่อวัน แบ่งเป็น 10-20-30 คือ 10 นาที ก่อนเข้าเรียน ต่อด้วย 20 นาทีระหว่างวัน และ 30 นาทีสุดท้าย หลังเลิกเรียน โดยอาจจะทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง ครู และสถานศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยแวดล้อมสำคัญของเด็กที่จะร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจ และการดำเนินการที่สอดคล้องกัน
น้องตาหวาน – ด.ญ.ฐิตาภา เพ็งอิ่ม นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า นอกจากการเรียนหนังสือในห้องเรียนแล้ว เวลาอยู่ที่บ้าน ก็จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้านเป็นประจำ ซึ่งถือเป็นการได้ออกกำลังกายไปในตัว ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ส่วนกิจกรรมครั้งนี้ได้ประโยชน์มาก ส่วนตัวชอบฐานกิจกรรม โดยเฉพาะฐานบอลหรรษา ที่ทำให้ได้ฝึกทักษะภาษาไทย พร้อมกับการได้เคลื่อนไหวร่างกาย ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันภายในกลุ่ม ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่จากต่างโรงเรียน และจะนำความรู้ที่ได้รับกลับไปแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนและที่บ้านซึ่งไม่ได้มีโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย
ขณะที่ น้องออโต้-ด.ช.วชิระวิชญ์ สมภูมิ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี กล่าวว่า ปกติชอบออกกำลังกายกับเพื่อนๆ เป็นประจำวันในเวลาพักหรือหลังเลิกเรียน การมาร่วมกิจกรรรมวันนี้ นอกจากจะได้รับความรู้เรื่องของการออกกำลังกายแล้ว ยังได้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
"ผมชอบฐานวิ่งลอดเชือก ทำให้ได้ฝึกทักษะเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์ ไปพร้อมๆ กับการออกกำลังกาย รู้สึกสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ช่วยเสริมสร้างการคิดวิเคราะห์ และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกันเป็นทีม"