เด็กอ้วนล้นโลก 22 ล้านคน

whoหนุนคุมโฆษณาขนมขยะ

 

 เด็กอ้วนล้นโลก 22 ล้านคน

          เด็กอ้วนทะลักโลก เผยยิ่งต่ำกว่า 5 ขวบยิ่งน่าห่วง พบยอดสูงลิบถึง22 ล้านคนทั่วโลก ชี้ 3 ใน 4 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา – ยากจน who ชูมาตรการไทยคุมโฆษณาขนมทางแก้ เดินหน้าดันทำทุกประเทศสมาชิก

 

          รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ผจก.แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ คณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่าเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประชุม “การเสริมความเข้มแข็งขององค์กรภาคีในการบูรณาการการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ” ที่เมืองชานติกา ประเทศอินเดีย

 

          มีประเทศสมาชิก เข้าร่วมและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคสากล สหพันธ์เบาหวานโลก สถาบันมะเร็งศึกษา ซึ่งทุกภาคส่วนต่างกังวลต่อการขยายตัวของโรคอ้วน โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ ที่ปัจจุบันมีจำนวน 22 ล้านคนและ 3 ใน 4 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาระดับกลางและระดับยากจน

 

          “ทุกฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่า สาเหตุของโรคอ้วนนอกจากพฤติกรรมขาดการออกกำลังกายแล้ว อาหารก็เป็นสาเหตุสำคัญ โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และเกลือสูง ซึ่งพบในขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม และอาหารขยะ เนื่องมาจากการตลาดและการโฆษณาที่ใช้การสร้างโอกาส และสร้างพลังเร้า เป็นการสร้างพฤติกรรมบริโภคที่ติดกับอาหารรสจัด หวาน มัน  เค็ม ทำให้เด็กและเยาวชนบริโภคอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ” รศ.ดร.วิทยากล่าว

 

          รศ.ดร.วิทยากล่าวอีกว่า ผลกระทบจากโฆษณาและการตลาดของอาหารเหล่านี้ เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งการป้องกันโรคอ้วนนอกจากลดความเสี่ยงโรคดังกล่าว ยังลดโอกาสเกิดมะเร็งได้ถึง 1 ใน 3 อีกด้วย

 

          ทั้งนี้ ที่ประชุมได้นำเสนอมาตรการคุมโฆษณาทางโทรทัศน์ของไทยที่ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่จำกัด “โอกาส” โดยลดการโฆษณาอาหารที่มีผลกระทบต่อเด็กให้มีเวลาน้อยลงจากเดิมและจำกัด “พลังเร้า” จากการใช้นักแสดง นักกีฬาดารา ขวัญใจเด็ก เยาวชน การ์ตูน มาเป็นผู้โฆษณา รวมทั้งควบคุมการแจกของรางวัล ตุ๊กตาหุ่นยนต์ ที่ทำให้เด็กและเยาวชนถูกเหนี่ยวนำให้บริโภคอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ และส่งผลต่อโรคอ้วน ซึ่งได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ

 

          “แต่ละประเทศและหน่วยงานต่างๆ ลงความเห็นว่าต้องพัฒนานโยบายการควบคุมการตลาดอาหารเด็กอย่างจริงจัง เช่น หากลยุทธ์การควบคุมการตลาด และการโฆษณาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมกำกับโดยรัฐ การใช้วิธีสมัครใจหรือมาตรการผสมผสาน ซึ่งจะประมวลข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่สภาองค์การอนามัยโลกที่เจนีวา เพื่อออกมาตรการร่วมกัน เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน” รศ.ดร.วิทยากล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์astv ผู้จัดการ

 

 

update 09-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ