เดินหน้ายุทธศาสตร์เหล้าบุหรี่ ปกป้องเยาวชน

ยุทธศาสตร์เหล้า-บุหรี่เดินหน้าป้องนักดื่ม-นักสูบหน้าใหม่


เดินหน้ายุทธศาสตร์เหล้าบุหรี่ ปกป้องเยาวชน thaihealth


ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบยุทธศาสตร์แผนควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติด ซึ่งได้กำหนดทิศทางเป้าหมายการดำเนินงานช่วงปี 2558-2560 อาทิ สนับสนุนการออกกฎหมาย และนโยบายที่จำเป็นต่อการลดการการบริโภค มาตรการภาษีและราคา การจำกัดใบอนุญาต การโฆษณา ขยายรวมถึงการพัฒนานโยบายยุทธศาสตร์ในระดับจังหวัด และมาตรการชุมชน เพื่อขยายศักยภาพภาคี โดยเน้นที่การป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ อาทิ เสนอให้มีการออกกฎหมายประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา การออกมาตรการไม่ให้สถานศึกษา มีการป้องกันไม่ให้จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี นอกจากนั้นจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบข้อมูล องค์ความรู้และงานวิจัยเพื่อตอบสนองนโยบาย และเชื่อมโยงระบบบริการเลิกสุราเข้ากับกิจกรรมรณรงค์ป้องกันให้ทั่วถึง


เดินหน้ายุทธศาสตร์เหล้าบุหรี่ ปกป้องเยาวชน thaihealth"ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารตามสั่งกลายเป็นเครื่องมือของธุรกิจสุรา เพราะสามารถขายได้โดยไม่ต้องขออนุญาต จึงกลายเป็นช่องว่างสำคัญทำให้เครื่องดื่มสุราสามารถเข้าใกล้เยาวชนในสถาบันอุดมศึกษาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในเรื่องการจำกัดสถานที่ขายสุรา คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มี รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ได้มีการประชุมหารือแนวทางกำหนดข้อจำกัดขอบเขตไม่อนุญาตให้ตั้งขายสุราในพื้นที่ 300 เมตร รอบมหาวิทยาลัย และสถาบันอาชีวศึกษา โดยยกเว้นสถานบันเทิงที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเดิม คือ พัฒน์พงศ์ และอาร์ซีเอ ซึ่งจะนำเสนอเพื่อหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบในวันที่ 10 ก.ค.นี้ต่อไป" ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าว


ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นได้เห็นชอบการดำเนินงานตามแผนงานศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือลดปริมาณผู้สูบเดิมและป้องกันนักสูบหน้าใหม่ โดยใช้โครงการนำร่องการลดผู้สูบหน้าใหม่ที่ทดลองได้ผลดีมาขยายเพิ่มเติมและสร้างแรงจูงใจในการเลิกบุหรี่ของนักสูบเดิมด้วยการเพิ่มการเข้าถึงบริการการเลิกบุหรี่ ในส่วนการบังคับใช้กฎหมายนั้น ได้มีการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นว่า ปัจจุบันอัตราการเก็บภาษียาเส้นยังต่ำกว่าบุหรี่ซองถึง 100 เท่า จึงเสนอให้มีการหารือร่วมกับกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังเพื่อผลักดันให้เพิ่มอัตราภาษียาเส้นในอัตราที่เหมาะสมต่อไป


ทั้งนี้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ ที่ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วนั้น มีสาระสำคัญคือ กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบจากเดิม 18 ปี เป็น 20 ปี ห้ามแบ่งขายผลิตภัณฑ์ยาสูบแยกเป็นมวน ห้ามขายผ่านรูปแบบของพริตตี้ รวมถึงห้ามขายในสถานที่ต่างๆ เช่น วัด สถานบริการ สาธารณสุข สถานศึกษา สวนสาธารณะ นอกจากนี้ห้ามการโฆษณาในรูปแบบเป็นผู้สนับสนุนการประกวดและการแข่งขัน นอกเหนือจากการห้ามโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และยังครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบ เช่น มอระกู่ มอระกู่ไฟฟ้า บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ และห้ามผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้แทนจำหน่าย ดำเนินกิจกรรมในลักษณะให้การอุปถัมภ์ หรือการสร้างความรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม เพิ่มเติมอำนาจเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการออกใบสั่ง ยึดหรืออายัด และเพิ่มอัตราโทษการขายให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด จากโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิ่มโทษการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ จากปรับไม่เกิน 2,000 บาทเป็นมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code