เดินหน้าป้องกันโรคจากการทำงาน

เดินหน้าป้องกันโรคจากการทำงาน


เดินหน้าป้องกันโรคจากการทำงาน thaihealth


แฟ้มภาพ


นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีประชากรในวัยทำงาน อายุระหว่าง 16-60 ปี ประมาณ 36 ล้านคน พบว่าส่วนหนึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจากการทำงาน เช่น การทำงาน ในสถานประกอบการที่ไม่ได้มาตรฐาน มลภาวะ สารเคมี สารพิษต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นการดูแลความปลอดภัยและ อาชีวอนามัย จึงถือเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งจากการที่โรงนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ ได้ดำเนินการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่กว่า 5,000 ราย ในโครงการสุขภาพดี แท็กซี่ไทย พบว่า ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับโรคเรื้อรัง โดยโรคประจำตัวที่พบมากที่สุด ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ปัญหาทางสายตา และเบาหวาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุบนท้องถนน  นอกจากนี้กลุ่มเกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพของผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 60 ของประเทศ พบอัตรา การป่วยจากการได้รับสารเคมีจากยาฆ่าแมลงและยากำจัดศัตรูพืช ซึ่งจากสรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555 ของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค มีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช จำนวน 1,509 ราย มีอัตราป่วย 2.35 ต่อประชากรแสนคน


ทั้งนี้อันตรายจากสารเคมีทำให้เกิดอาการแพ้พิษสารเคมีและสะสมในร่างกายก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา อาจเกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง พบอาการป่วยตั้งแต่เล็กน้อยจนรุนแรงถึงเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ความเป็นพิษ ปริมาณสารเคมีและระยะเวลาที่ได้รับ โดยสารพิษจะเข้าสู่ร่างกายทางการสัมผัส การสูดดม หรือปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม ซึ่งสารเคมีจากยาฆ่าแมลง และยากำจัดศัตรูพืชกลุ่มออการ์โนฟอสเฟต และกลุ่มคาร์บาเมต มีพิษเฉียบพลัน ทำให้เกิดการกระตุ้นปลายประสาทอย่างรุนแรง และเสียชีวิตได้ง่าย อาการอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน น้ำตาไหล เหงื่อออก หลอดลมเกร็ง หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก มีเสมหะมาก เป็นต้น ดังนั้นกลุ่มอาชีพคนขับรถสาธารณะและเกษตรกรควรใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดจากการทำงาน โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งนี้กลุ่มคนขับรถสาธารณะ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด งดการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวูบได้ กรณีที่ต้องขับรถช่วงกลางวันที่มีอากาศร้อนจัด ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยปรับอุณภูมิร่างกายให้สมดุลได้


สำหรับกลุ่มอาชีพเกษตรกร ควรอ่านฉลากให้เข้าใจถึงวิธีใช้การสารเคมีต่าง ๆ ไม่ควรใช้เครื่องพ่นสารเคมีที่ชำรุด ซึ่งอาจมีการรั่วซึมเปื้อนเสื้อผ้าได้ ควรสวมเสื้อ หมวก แว่นตา ถุงมือ หน้ากากให้มิดชิดทั้งก่อนและในขณะพ่นสารเคมี เพื่อป้องกันถูกผิวหนัง และรีบชำระร่างกายด้วยสบู่และทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งหลังจากปฎิบัติงานเสร็จ กรณีได้รับพิษจากสารเคมี ให้ปฎิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นบนฉลาก และนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลพร้อมภาชนะที่บรรจุสารเคมีเพื่อประกอบการรักษา


นอกจากนี้ขอให้ประชาชนหมั่นดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง โดยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกบริโภคผัก ผลไม้ ที่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส งดสารเสพติดทุกชนิด จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคต่างๆ ได้


 


 


ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Shares:
QR Code :
QR Code