เดินทางปลอดภัย ปั๊มทั่วไทยปลอดเหล้า
ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่หลายคนเตรียมตัวเดินทางออกต่างจังหวัด ในเส้นทางระยะไกลหลายร้อยกิโลเมตรมีปั๊มน้ำมันเป็นที่พักระหว่างทาง ให้คลายเหนื่อยคลายง่วง แต่ถ้าจะคิดเติมพลังด้วยแอลกอฮอล์ต้องขอบอกว่า “ผิดกฎหมาย” ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในมาตรา 27 (6) และมาตรา 31 (5) ที่ห้ามขายหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ครอบคลุมทั้งปั๊มน้ำมัน ปั๊มปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจี ปั๊มก๊าซธรรมชาติ หรือเอ็นจีวี รวมไปถึงปั๊มถังลอย และปั๊มหลอดในชุมชนด้วย หากฝ่าฝืนต้องจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของประชาชนในช่วงนี้ สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงต่าง ๆ จัดโครง การรณรงค์ “เดินทางปลอดภัย ปั๊มทั่วไปปลอดเหล้า 2552” โดยมี นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เป็นประธานปล่อยขบวนรถโบราณ รณรงค์ “ห้ามขายห้ามดื่มในปั๊ม” ณ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ปตท.สาขาเพื่อสวัสดิการ ร1รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต
รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีความพยายามทำให้สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงเป็น “ปั๊มคุณภาพ” ปลอดภัย สะอาดน่าใช้บริการ ไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ จึงมีนโยบายให้ทุกสถานีฯ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอความร่วมมือให้ทุกสถานีบริการปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ซึ่งมีจำนวน 18,000 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มี 10 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ปฏิบัติตาม กฎหมาย จำเป็นต้องขอความร่วมมือและกวดขัน
“ในปี 2553 ทางกระทรวงจะเพิ่มตัวชี้วัดคุณภาพปั๊ม และร้านอาหารใกล้เขตสถานีบริการหรือพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ให้มีการขายหรือดื่มสุราโดยเด็ดขาด โดยความร่วมมือจากปั๊มน้ำมัน อาทิ ปตท. เอสโซ่ ปิโตรนาส คาล เท็กซ์ บางจาก ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 4,000 แห่ง และ ขอความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขผ่านไปยัง สาธารณสุขอำเภอ และ อสม. ช่วยสอดส่องดูแล สร้างความตระหนักให้ทุกปั๊มปฏิบัติตามกฎหมาย ปลอด จากการขายและดื่มสุรา” นพ. วรรณรัตน์ กล่าว
ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอยู่ใน 3 อันดับแรกของสาเหตุการเสียชีวิตคนไทย แม้ว่าสถิติการเสียชีวิต จากอุบัติเหตุจราจรจะลดลงตามลำดับใน 6 ปี ที่ผ่านมาแต่ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 11,000 คนต่อปีส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงาน มีต้นทุนความสูญเสียสูงถึง 232,855 ล้านบาท คิดเป็น 2.81 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ทั้งนี้จากผลการศึกษาสถานการณ์การรับรู้กฎหมายหลังพ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลบังคับใช้ โดยเอแบคโพล ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า ประชาชนรับรู้ว่ามีมาตรการห้ามขาย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางสถานที่ อาทิ สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง กว่าร้อยละ 90 อย่างไรก็ตาม ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้ขาย ผู้บริโภค ในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด คาดว่าปีนี้การฝ่าฝืนขายเหล้าในเขตปั๊มน้ำมันอาจจะไม่มีปัญหา แต่ที่น่าห่วงคือร้านขายอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณปั๊มน้ำมันหรือพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งผู้เข้าใช้บริการในปั๊มน้ำมันอาจถือเข้ามาดื่มในปั๊ม จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ
พันตำรวจโทหญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมดำเนินการตาม นโยบายของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) รณรงค์สร้างความปลอดภัย 7 วันขับขี่ ปลอดภัย เทิดไท้องค์ราชัน โดยจะกวดขันวินัยจราจรเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจาจรช่วงปีใหม่ ตามมาตรการ 3 ม 2 ข 1 ร โดยเฉพาะ การสวมหมวกนิรภัย ดื่มไม่ขับ คาดเข็มขัดนิรภัย ห้ามขับรถเร็วเกินอัตราที่กำหนด รวมถึงกวดขันไม่ให้มีการขายหรือดื่มในปั๊มด้วย.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update:21-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่