เช็คพฤติกรรม ก่อนถูก ‘คุกคามทางเพศ’
บางพฤติกรรมที่ชวนให้อึดอัด เช่น วิจารณ์รูปร่าง, ยักคิ้ว หลิ่วตา, ผิวปากแซวขณะเดินผ่าน ฯลฯ นับรวมเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ
ในงานอบรมวิธีการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศและการรับเรื่องราวร้องทุกข์ จัดโดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งดำเนินโครงการป้องปรามและแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศในการทำงานตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันที่การดำเนินโครงการจะ "เข้มข้นกว่าเดิม" นอกจากอบรมให้ความรู้พนักงานแล้ว ยังได้เปิดตัว "คู่มือ" เผยแพร่ความรู้เรื่องการคุกคามทางเพศในที่ทำงานด้วย
นางปราณี ศุกระศร รักษาการ ผอ.ขสมก. กล่าวว่า ขสมก.ถือเป็นองค์กรต้นแบบในการป้องกันปัญหาการคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงาน จะเห็นว่าสิ่งที่เราดำเนินที่ผ่านมา ส่งผลให้ไม่ค่อยมีข่าวหรือเรื่องร้องเรียนการคุกคามทางเพศบนรถโดยสาร และเรื่องคุกคามทางเพศภายในองค์กร เนื่องจากการมีกลไกดูแลและมีการประชาสัมพันธ์ ทำให้ต่างคนต่างเป็นหูเป็นตา คนที่คิดจะทำก็ไม่กล้า
ขณะที่ นางสาวศิริพร บุญเปี่ยม ประธานคณะกรรมการป้องปรามและแก้ไขฯ กล่าวว่า จากข้อมูลร้องเรียนที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่ถูกคุกคามทางเพศมากสุดคือกระเป๋ารถเมล์หญิง ตรงนี้เขาอาจไม่สาว ไม่สวย แต่ก็ถูกคุกคาม ตั้งแต่ตีก้น พูดจาหยอกล้อ โดยปัจจุบัน ขสมก.มีกระเป๋ารถเมล์หญิง 4,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 13,000 คน
"สิ่งที่เราจะทำจากนี้คือ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้พนักงาน ขสมก.รับรู้ถึงโครงการนี้มากๆ เพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาการคุกคามทางเพศของคนในองค์กรเอง และช่วยสอดส่องดูแลเตือนผู้โดยสารบนรถด้วย โดย ขสมก.จะเปิดตัวนโยบายและแนวปฏิบัติอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้" น.ส.ศิริพรกล่าว และว่า ปีนี้ ขสมก.จัดทำเป็นคู่มือเผยแพร่ให้รู้ ตั้งแต่อะไรบ้างที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศ หรือหากถูกคุกคามต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เช่น แสดงอาการไม่พอใจ หลีกหนี มีช่องทางช่วยเหลือ ร้องเรียนอย่างไรบ้าง เช่น สายด่วน 1348 ตัวแทนตาสับปะรดประจำสาย โดย ขสมก.ดูแลทุกเพศ ไม่เฉพาะเพศหญิง
มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ พฤติกรรมไหนเข้าข่ายคุกคามทางเพศ เริ่มที่
1.การกระทำทางกาย เช่น การฉวยโอกาส สัมผัส หรือถูไถร่างกายผู้อื่นอย่างมีเลศนัย การกอดรัด การจูบ การลูบคลำ การโอบกอด การจับอวัยวะส่วนหนึ่ง การต้อนเข้ามุมหรือขวางทางเดิน การตามตื๊อโดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เล่นด้วย การตั้งใจยืนหรือนั่งใกล้ชิดเกินไป การดึงเข้ามานั่งตัก การนวดหรือสัมผัสเสื้อผ้า/เส้นผม/ร่างกายของผู้อื่น การยักคิ้วหลิ่วตา การส่งจูบ การเลียริมฝีปาก การผิวปากแบบเชิญชวน และการทำท่าน้ำลายหก เป็นต้น
2.การกระทำทางวาจา เช่น การวิพากษ์วิจารณ์รูปร่าง พูดหยอกล้อ พูดหยาบคายทางเพศ พูดเรื่องตลกเกี่ยวกับเพศ พูดเกี้ยวพาราสี พูดลามก พูดส่อไปในทางเพศ การเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องเพศ ถามเกี่ยวกับประสบการณ์ความชื่นชอบในด้านเพศ ถามเป็นนัยหรือแสดงความเห็นทางด้านเพศ ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเพศสัมพันธ์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ เป็นต้น ทั้งนี้ ยังรวมถึงการกระทำด้วยวาจาทางโทรศัพท์และเทคโนโลยีสื่อสารอื่นๆ
3.การกระทำทางสายตา การใช้สายตาลวนลาม การจ้องมองร่างกาย การมองช้อนใต้กระโปรง การมองหน้าอก หรือจ้องลงไปที่คอเสื้อ
4.การแสดงหรือสื่อสารด้วยวิธีการใดๆ ที่ส่อไปในทางเพศ เช่น แสดงรูปลามกอนาจาร หรือวัตถุ หรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับเพศ เขียนหรือวาดภาพทางเพศในที่สาธารณะ การทำสัญญาณหรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอวัยวะเพศหรือการร่วมเพศ
5.การกระทำใดๆ ที่สื่อไปในทางเพศในที่ทำงาน หรือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการคุกคามทางเพศ เช่น การโชว์ปฏิทินลามกอนาจาร การดูหนังลามกอนาจารในที่ทำงาน การวางหนังสือลามกอนาจารที่โต๊ะทำงาน การติดภาพลามกอนาจารในที่ทำงาน
6.การแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ส่อไปในทางเพศ เพื่อให้ได้มาซึ่งความพึงพอใจทางเพศ โดยที่ผู้ถูกกระทำไม่พึงประสงค์หรือเดือดร้อนรำคาญ เช่น การส่งภาพ/ข้อความ/เรื่องเล่าที่ส่อไปในทางเพศให้เพื่อนร่วมงานทางอีเมล์หรือสังคมออนไลน์ต่างๆ
7.การให้คุณและโทษจากงาน เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเพศทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยการคุกคามทางเพศในลักษณะนี้มักเป็นการกระทำของผู้บังคับบัญชาต่อผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น การมอบหมายงาน การพิจารณาความดีความชอบการเลื่อนขั้นเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่ง การเปลี่ยนหน้าที่การงาน การคัดเลือกเข้าทำงาน เป็นต้น
หากเจอพฤติกรรมดังกล่าว คู่มือได้แนะนำแนวการแก้ไขปัญหาดังนี้
1.แสดงอาการไม่พอใจต่อผู้กระทำ เช่น หลีกเลี่ยง เดินหนี หน้าบึ้ง เป็นต้น
2.พูดความรู้สึกไม่พอใจให้บุคคลนั้นรับทราบอย่างจริงใจ เพื่อให้หยุดพฤติกรรมการคุกคามทางเพศ
3.ในกรณีที่ผู้กระทำเป็นผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนพนักงาน ให้จดบันทึกเหตุการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรทันที โดยการจดวันเวลาที่เกิดเหตุ สถานที่ คำบรรยายที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นสั้นๆ รวมทั้งชื่อของพยาน หรือบุคคลที่ 3 ที่เกี่ยวข้อง หรืออัดเสียง/บันทึกภาพ เพื่อเป็นหลักฐานและแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไปเพื่อให้ลงโทษทางวินัย หรือแจ้งผู้ร่วมงานหรือบุคคลอื่นที่ไว้วางใจให้รับทราบ เพื่อช่วยสังเกตพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ที่คุกคามต่อไป
หลายพฤติกรรมที่ไม่แน่ใจ ได้คอนเฟิร์มแล้ว ผู้หญิงรู้ไว้เพื่อระวังตัว ผู้ชายรู้ไว้เพื่อจะได้ไม่ทำ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
นางนัยนา สุภาพึ่ง ผู้อำนวยการมูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร ที่มาร่วมทำโครงการนี้ด้วยกล่าวว่า มาตรการป้องกันการคุกคามทางเพศควรมีในทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะหากจะทำเรื่องพัฒนาศักยภาพองค์กร ทำเรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศ พ.ศ.2558 ต้องเริ่มจากการไม่มีปัญหาคุกคามทางเพศ ที่เปรียบเหมือนประตูบานแรกนำไปสู่การเลือกปฏิบัติทางเพศ การเอารัดเอาเปรียบไม่เป็นธรรมของคนในองค์กร ตลอดจนความไม่โปร่งใสและประสิทธิภาพขององค์กร
"หากมีผู้บังคับบัญชาที่มัวแต่แสวงหาผลประโยชน์ทางเพศโดยมิชอบ เพราะเมื่อมีคำเสนอและการตอบสนองมา โดยมีสิ่งที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน ก็ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ กระทบถึงธรรมาภิบาลองค์กร ซึ่งน่าห่วงกับองค์กรที่มีลำดับบังคับบัญชามาก เช่น ภาคราชการ ซึ่งปัญหาจะซุกไว้ใต้พรม ผู้ถูกกระทำจะรู้สึกอึดอัดคับข้องใจไม่กล้าพูด เพราะผู้ที่กระทำอยู่ในองค์กรและมีอำนาจเหนือกว่า ขณะที่กลไกในองค์กรไม่เอื้ออำนวยและไม่ละเอียดอ่อนพอที่จะปกป้องผู้เสียหาย อย่างไรก็ดี ขณะนี้สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกำลังเสนอมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานให้ ครม.พิจารณาแล้ว" นางนัยนากล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต