เชิดชูเกียรตินายอำเภอ นักรณรงค์งดเหล้าฯ
ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
กระทรวงมหาดไทย มอบโล่เชิดชู 148 นายอำเภอและผู้บริหารท้องถิ่นนักรณรงค์งดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยง หวังสร้างสุขแก่สังคมไทย พร้อมหนุนการทำงานภาคประชาสังคม เพื่อการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากแอลกอฮอล์ในปัจจุบัน
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประชุมออดิทอเรียม โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการฯ จ.นนทบุรี กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่นายอำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่นงดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยง ประจำปี 2558 – 2559 จำนวน 148 คน จากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลงานสนับสนุน การรณรงค์งดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยงอย่างโดดเด่นและต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับประชาคมงดเหล้าและองค์กรต่างๆ ใช้การรณรงค์ในประเด็นงดเหล้าเข้าพรรษา รณรงค์งานศพและงานบุญปลอดเหล้า เฝ้าระวังบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้การซื้อ การขาย และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าถึงได้ยากขึ้น อันเป็นการปกป้องเยาวชนจากพิษภัยจากน้ำเมา ซึ่งการร่วมรณรงค์ของนายอำเภอและผู้บริหารท้องถิ่น จะช่วยหนุนเสริมการทำงานในระดับพื้นที่ได้ผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น
นายประทีป กีรติเรขา รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษว่า ตั้งแต่ปี 2556 กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง ร่วมกับ เครือข่ายองค์กรงดเหล้าและสสส. ได้สนับสนุนนายอำเภอนักรณรงค์งดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันเพิ่มจำนวนถึง 250 ท่านที่ได้รับรางวัลอันมีค่านี้ ซึ่งในปีนี้ยังสนับสนุนให้ผู้บริหารท้องถิ่นด้านการส่งเสริมค่านิยมงานบุญประเพณีปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก 50ท่าน เพื่อให้ขับเคลื่อนสนับสนุนนโยบายลดอบายมุขสร้างสุขให้สังคมของกระทรวงมหาดไทย มีการสร้างความเข้าใจ ทำข้อตกลงร่วมของชุมชน แจ้งเบาะแส การบังคับใช้กฎหมายในสถานบริการ ร้านจำหน่ายสุรา และแหล่งอบายมุขอื่น จากการดำเนินงานของนายอำเภอและผู้บริหารท้องถิ่น มีการทำงานเชิงบูรณาการในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล เช่น นโยบายงานบุญเมืองยศปลอดเหล้า ปลอดการพนัน ของ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร การออกมาตรการ 17 มาตรการของอำเภอบัวเชด เพื่องดเหล้า บุหรี่ อุบัติเหตุ การพนัน นโยบายแค่หลวงปลอดเหล้า ของอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน และการประสานพลังภาคีเครือข่ายของอำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีนายอำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่นเป็นแบบอย่าง การทำงานนี้จะเป็นพลังการเพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขของคนไทยได้
เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเชิดชูเกียรติแด่นายอำเภอนักรณรงค์งดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยง ปี 2559 จำนวน 98 ท่านและผู้บริหารท้องถิ่น จำนวน 50 ท่าน ที่ให้การสนับสนุนการรณรงค์งดเหล้า ลดปัจจัยเสี่ยงร่วมกับประชาคมงดเหล้าและองค์กรต่างๆในพื้นที่ โดยใช้โอกาสการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา รวมทั้งการรณรงค์งานศพงานและบุญปลอดเหล้า และการเฝ้าระวังบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมให้เข้าถึงการซื้อ การขาย และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยากขึ้นและเพื่อป้องกันเยาวชนไม่ให้เข้าสู่วงจรการเป็นนักดื่ม ซึ่งมีเกณฑ์การคัดเลือก คือต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่มีความสัมพันธ์กับธุรกิจแอลกอฮอล์และยาสูบ มีความมุ่งมั่นทำงานด้านการงดเหล้าและลดปัจจัยเสี่ยง รวมถึงมีการประกาศนโยบาย หรือมีแนวโน้มที่จะประกาศนโยบายเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยง หรือมีการจัดตั้งคณะทำงานด้านการควบคุมเหล้าบุหรี่ และมีภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนการทำงานให้สำเร็จ
นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 – ปัจจุบัน โดยระยะหลังๆมีประชาชนร่วมกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาประมาณ 80% โดยงดตลอดทั้งตลอด 3 เดือนประมาณ 40% ประหยัดเงินได้ไม่ต่ำกว่า 3๐,๐๐๐ล้านบาท ที่สำคัญคือทำให้ช่วงเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของครอบครัว ซึ่งผลการรณรงค์ทั้งปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรวมค่อนข้างคงที่ ประมาณ 30 -32% มาตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา เพศชายมีอัตราการดื่มที่สูงกว่าเพศหญิง แต่จะมีแนวโน้มการดื่มแอลกอฮอล์ลดลงเรื่อยๆ จาก 55.8% ในปี 2544 มาเป็น 52.9% ในปี 2558 ในขณะที่เพศหญิงมีอัตราการดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 9.79 ในปี 2544 มาเป็นร้อยละ 12.92 ในปี 2558 ซึ่งการรณรงค์ที่ผ่านๆมาได้รับความร่วมมือจากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยในทุกระดับเป็นอย่างดี และเมื่อนำนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่มุ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน ถือเป็นสิ่งที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างความสุขของสังคม และยังสอดคล้องกับพันธกิจของ สสส. ในการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาวะที่ยั่งยืนเช่นกัน