“เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์”ทรงห่วงวัยรุ่นไทยติดบุหรี่เป็นเรื่องที่ผิด
เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งทรงได้รับการถวายพระสมัญญาภิไธยจากแพทย์และประชาชนทั่วไปว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพ ทรงอุทิศพระวรกายในการสร้างความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์และการสาธารณสุขไทย ช่วยผู้ป่วยให้พ้นทุกข์จากโรคภัย ด้วยน้ำพระทัยกรุณาอย่างแท้จริง
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงได้ให้วันที่ 24 กันยายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็น “วันมหิดล” เพื่อเป็นการถวายสักการะและน้อมรำลึกถึง พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทยเสมอมา สำหรับปี 2552 เป็นวาระครบ 80 ปีแห่งวันสวรรคต คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติร่วมตามรอยพระบาท หารายได้ช่วยผู้ยากไร้และด้อยโอกาสโรงพยาบาลศิริราชเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 19 กันยายน เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป ทาง ททบ.5 และเชิญร่วมบริจาคได้ที่ โทร.0-2270-2233 พร้อมสอบถามปัญหาสุขภาพในรายการ โทร.0-2278-5940
โอกาสนี้ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะองค์ประธานจัดงานหารายได้ เสด็จบันทึกแถบวีดิทัศน์ พร้อมพระราชทานสัมภาษณ์ในรายการ เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันมหิดล ณ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยมี ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร รองคณบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมพิเศษ ร่วมดำเนินรายการ
ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระดำรัสถึงโครงการโรงพยาบาลโรคมะเร็งและการวิจัยว่า ตอนนี้ศูนย์มะเร็งได้ทำการรับผู้ป่วยแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ ในปีนี้มีโครงการการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยการส่องกล้อง โดยให้บริการแก่ผู้ที่อายุ 50-65 ปีขึ้นไป ซึ่งที่จริงขอรับสมัครเพียง 1,500 คน แต่ขณะนี้มีอาสาสมัครมาสมัครแล้ว 2,000 กว่าคน และยังรอลงทะเบียนอีก 700 คน ซึ่งได้ทำการตรวจไปแล้ว 114 คน พบผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้วส่วนหนึ่ง และพบผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเกือบเป็นมะเร็ง ที่ได้ทำการรักษาแล้วซึ่งจะทำให้ไม่เป็นมะเร็ง ส่วนผู้ที่เป็นมะเร็งแล้วก็ทำการรักษาต่อไป
“สำหรับขั้นตอนการตรวจในปีนี้เราตรวจให้ฟรีเป็นพิเศษ และถึงแม้จะมีผู้ป่วยเกินกว่าที่เรากำหนดมาก แต่ในเรื่องของความพร้อมเรามีบุคลากรของสถาบันเอง แต่ส่วนหนึ่งยังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ แต่มีแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลัดกันเข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยและให้คำแนะนำแก่แพทย์รุ่นเด็ก นอกจากนี้ยังมีแพทย์จาก โรงพยาบาลฮาร์เวิลด์ เมดิคอล สคูล จากสหรัฐอเมริกามาให้คำแนะนำ และยังมีแพทย์คนไทยซึ่งไปตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกา จะกลับมาช่วยในศูนย์มะเร็งปีหนึ่งประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งจะมาพร้อมสามีที่เป็นหมอเฉพาะทางด้านมะเร็ง มาจากมหาวิทยาลัยที่ไมอามี”
ในการนี้ยังพระราชทานคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ซึ่งรวมถึงโรคมะเร็ง และทรงให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งและครอบครัว ความตอนหนึ่งว่า ในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ มะเร็งขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและไลฟ์สไตล์ของคน ฉะนั้นมะเร็งในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์จะมองว่าเป็นโรคที่ป้องกันได้ ในส่วนที่นักวิจัยสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ทำกันอยู่เรื่องมลพิษต่างๆ ที่มาจากรถยนต์ที่มีผลต่อคนที่ทำงานใกล้ๆ ถนน อย่างตำรวจจราจร พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่ริมถนน เด็กนักเรียนที่มีโรงเรียนติดถนนใหญ่ๆ พระและชีในวัดที่อยู่ใกล้ถนน ได้ทำวิจัยโดยการเจาะเลือดในกลุ่มคนบางกลุ่มที่ได้รับความยินยอม เช่น ตำรวจจราจร แต่ที่น่าแปลกใจมากคือเด็กนักเรียนเล็กๆ จะไม่ค่อยกลัวเข็ม ยอมเจาะเลือดเพื่อแลกกับกล่องดินสอกล่องเดียว พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ริมถนนกลับไม่ยอมให้เจาะ
“เป็นที่น่าสังเกตว่าควันพิษในท้องถนนจะเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่อีกอย่างที่หลีกเลี่ยงได้คือการสูบบุหรี่ ที่จะจบลงที่มะเร็งปอดแน่ๆ แต่ผลอาจไม่เกิดทันตาเห็นปุ๊บปั๊บ คนอาจไม่กลัวโดยเฉพาะวัยรุ่นในปัจจุบันเป็นที่น่าห่วงมาก มีหลายกลุ่มที่คิดว่าสูบบุหรี่เป็นความเก๋ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิด ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะเป็นตัวที่ทำให้ตัวเองห่างไกลโรคมะเร็งออกไปอีกนิดหนึ่ง
นอกจากนั้นพฤติกรรมการรับประทานอาหารก็ช่วยได้ อาหารพวกปิ้งๆ ย่างๆ ที่มีไหม้ๆ จะมีสารก่อมะเร็ง ถ้าเราเลี่ยงส่วนไหม้ของอาหารปิ้งย่างได้ ก็เป็นการเลี่ยงได้อีกทาง หรือการหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วลิสงที่เก็บไว้ไม่ถูกกรรมวิธี จะทำให้เกิดความชื้น เกิดเชื้อราขึ้น จะทำให้เกิดสารอัลฟลาท็อกซินซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งอีกตัวหนึ่ง จะเห็นว่าหลีกเลี่ยงได้หลายอย่าง แม้แต่โรคบางโรคเช่นไวรัสตับอักเสบบีและซี ที่จะนำไปสู่โรคมะเร็งตับ ก็หลีกเลี่ยงได้โดยการฉีดวัคซีน ที่พูดมานี้เป็นส่วนน้อยย่อๆ แต่ทำให้เห็นว่ามะเร็งเป็นโรคที่หลีกเลี่ยงได้”
พร้อมกันนี้ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ยังมีพระดำรัสต่อว่า อยากจะขอความร่วมมือช่วยเหลือ ในการบริจาคทรัพย์ให้แก่ผู้ป่วยที่ยากไร้และด้อยโอกาสโรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากโรงพยาบาลศิริราช ถือเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รับภาระรักษาคนไข้โดยเฉพาะคนไข้ที่ยากไร้มากที่สุด ภาระเหล่านี้จึงอยากจะให้ผู้มีจิตเป็นกุศลและมีกำลังทรัพย์ ช่วยกันบริจาคเพื่อเป็นกุศลแก่ตัวเอง และเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ชาวไทยผู้ยากไร้ที่ด้อยโอกาสกว่าด้วย
“ข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเอง เนื่องจากทำงานที่โรงพยาบาลศิริราชมา 10 กว่าปี ได้เห็นว่าผู้ป่วยที่ยากไร้มารอรับบริการที่นี่ บางคนมานอนค้างเสื่อผืนหมอนใบรอรับบริการ ถ้าช่วยได้คนละนิดละหน่อย คนที่มีกำลังทรัพย์น้อยก็ช่วยน้อย คนที่มีกำลังทรัพย์มากก็ขอให้ช่วยมาก การบริจาคนั้นอยู่ที่ใจไม่ใช่ว่า ผู้มีกำลังทรัพย์น้อยบริจาคน้อยแล้วจะได้บุญน้อย ผู้บริจาคนั้นถ้ามีกำลังทรัพย์น้อยแต่จิตใจยังเป็นกุศล อุตส่าห์ที่จะแบ่งปันบริจาคมาให้ แม้แต่ส่วนหนึ่งท่านก็ได้บุญมาก และจะเป็นอานิสงส์ที่จะทำให้ท่านผู้บริจาคมีสุขภาพที่แข็งแรง ไร้โรคภัยไข้เจ็บ มีความสุขความเจริญตลอดไป”
ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคร่วมสมทบทุนช่วยผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาสโดยตรงที่ ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราช วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 07.30-17.30 น. และ วันหยุดราชการ รวมทั้งวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-16.30 น. รายได้ทั้งหมดจะนำไปจัดซื้อยา อาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาสโรงพยาบาลศิริราชต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
update 07-09-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์