เจ็บ’อก’ลามไหล่ซ้าย เสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ

ที่มา: ข่าวสด


เจ็บ'อก'ลามไหล่ซ้าย เสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ thaihealth


แฟ้มภาพ


อาการที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ คือ มักเหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาทำงาน จุกแน่นหน้าอก จะมีอาการจุกบริเวณยอดอกตรงกลางมักเป็นในขณะออกกำลังกาย


          พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผอ.สถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า อาการที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ คือ มักเหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาทำงาน จุกแน่นหน้าอก จะมีอาการจุกบริเวณยอดอกตรงกลางมักเป็นในขณะออกกำลังกาย หลังจากหยุดออกกำลังกายอาการจะดีขึ้น มีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ และอาการเจ็บนี้จะปวดร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายหรือไปที่กราม ถ้าอาการเจ็บหน้าอกนี้เป็นนานเกินกว่า 3-5 นาที พักแล้วไม่ทุเลาหรืออาการเจ็บรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว


          พญ.วิพรรณกล่าวต่อว่า การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจสามารถรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือด การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนพร้อมใส่ขดลวดค้ำยัน และการผ่าตัดเปลี่ยนทางเดิน หลอดเลือดหัวใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและการวินิจฉัยของอายุรแพทย์หัวใจ


          พญ.วิพรรณกล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางการดูแลหัวใจของเราให้แข็งแรงควรปฏิบัติดังนี้ 1.ดูแลตนเอง ไม่ให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง 2.ควบคุมน้ำตาลในเลือด 3.ควบคุมความดันโลหิต 4.ควบคุมไขมันในเลือด 5.งดสูบบุหรี่ 6.พักผ่อนให้เพียงพอ 7.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน 8. เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก และผลไม้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ


          นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สมาพันธ์หัวใจโลกกำหนดให้วันที่ 29 ก.ย.ของทุกปี เป็นวันหัวใจโลก โดยมีประเด็นในการรณรงค์สำหรับปีนี้ คือ "สัญญาใจเพื่อหัวใจเรา (MY HEART, YOUR HEART)" โดยผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในประเทศไทยมีอัตราตายสูงกว่าต่างประเทศประมาณ 4-6 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าเป็นโรคที่รุนแรงและต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการทำสัญญาด้วยการหันมาดูแลตัวเองใส่ใจสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง เพื่อหัวใจของเรา และมอบกำลังใจแก่คนรอบข้างในทุกกลุ่มอายุ


 

Shares:
QR Code :
QR Code