เค็มน้อย อร่อยได้ สไตล์ LOW-SO(DIUM)
เรื่องโดย ปัญจวรา บุญสร้างสม Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลบางส่วนจาก งานแถลงข่าว การขับเคลื่อน “ลดเค็มทำได้” ในประเทศไทย โดยเครือข่ายลดบริโภคเค็ม, เว็บไซต์ sodiumlesstaurant และเครือข่ายคนไทยไร้พุง
ภาพโดย ปารมี ขันธ์แก้ว Team Content www.thaihealth.or.th สสส. และแฟ้มภาพ
“ส้มตำ ปูเค็ม อย่างเต็มครกเลย ปูนึ่งเอย ถ้ามีน้ำจิ้ม แซบหลาย ฉีกไก่นา น้ำปลาจิ้มหน่อยดีไหม แล้วตามด้วยไข่ ลูกเขย อร่อยนักเลย ก็เลยต้องกิน” หลายคนคงเคยได้ยินเพลงกินจุ๊บจิ๊บ ซึ่งเนื้อเพลงส่วนหนึ่งบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการกินของคนไทยได้เป็นอย่างดี คนไทยมักจะมีพฤติกรรมติดการกินอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเค็ม ไม่ว่าจะกินอะไรก็ต้องปรุง ต้องมีน้ำจิ้มด้วยเสมอ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยถูกปาก
เป็นที่ทราบกันดีว่า อาหารที่มีรสจัดนั้นเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มโรคที่เกิดจากพฤติกรรมหรือโรค NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ หลายคนเริ่มตระหนักและให้ความสำคัญกับการใส่ใจเลือกรับประทานอาหารที่มีรสหวานน้อยลง สั่งเครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ หรือเครื่องดื่มหวานน้อยกันมากขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เกิดเครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ เครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานชนิดอื่นมาทดแทนน้ำตาล เช่น สารสกัดจากหญ้าหวาน แต่ส่วนประกอบสำคัญที่มีอยู่ในอาหารและอันตรายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าน้ำตาล ก็คือ โซเดียม ซึ่งไม่ได้หมายความถึงเฉพาะเกลือ หรือเครื่องปรุงที่มีรสเค็มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาหารธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว ธัญพืชต่าง ๆ อาหารแปรรูป หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มอย่างชา หรือน้ำผลไม้ด้วย
นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลสำรวจการบริโภคเกลือแกงในประเทศไทยปี 2552 พบว่า คนไทยได้รับโซเดียมจากการรับประทานอาหารต่อวันมากถึง 4,000 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่ามากกว่าปริมาณความต้องการของร่างกายในแต่ละวันถึงสองเท่า สถานการณ์การบริโภคโซเดียมที่ล้นเกินของคนไทย ทำให้เกิดการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในประเทศไทย เพื่อลดโอกาสที่จะนำไปสู่การป่วย การเสียชีวิต และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการเพิ่มขึ้นของโรค NCDs โดยมีเป้าหมายที่จะให้ประชาชนบริโภคเกลือและโซเดียมลดลงร้อยละ 30 ภายในปี 2568 เพื่อสนับสนุนแผนบริการของกระทรวงสาธารณสุข ในการลดโรค NCDs รวมถึงโรคไตวายระยะสุดท้ายของคนไทย
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายลดการบริโภคเค็ม เครือข่ายลดการบริโภคไขมัน เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน เครือข่าย NCDs และภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ โดยผลักดันนโยบายสาธารณะเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน จากปัจจัยเสี่ยงด้านการบริโภคอาหาร เสริมพลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติป้องกันและควบคุมโรค NCDs รวมทั้งสื่อสารให้ความรู้ประชาชนถึงโทษของการบริโภค “หวาน มัน เค็ม” เกินพอดี
รสเค็มเป็นรสที่ส่งผลต่อการกินมากที่สุด รสชาติเค็มเปรียบเหมือนยาเสพติด โดยเร่งการผลิตโดปามีน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองส่งผลต่ออารมณ์ความพึงพอใจ ความสุข ทำให้เกิดความรู้สึกอยากอาหาร เมื่อติดรสชาติเค็มแล้ว หากไม่ได้รสชาติเค็มก็จะรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อย หงุดหงิด อารมณ์เสีย หากติดเค็มแล้ว เพียงแค่นึกถึงอาหารที่มีรสชาติเค็มก็สามารถทำให้เกิดความรู้สึกหิวและอยากอาหารได้ ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่ชอบกินเค็ม เนื่องมาจากความรู้สึกอยากอาหารที่เพิ่มมากขึ้น
วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินเค็มให้ลดลง
1.เลือกรับประทานอาหารสดจากธรรมชาติให้มากขึ้น เน้นผัก ผลไม้ สด และลดการกินอาหารแปรรูป
2.อ่านฉลากโภชนาการเป็นประจำ เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมือนกันแต่มีปริมาณของโซเดียมให้น้อยที่สุด หรือเลือกดูบรรจุภัณฑ์ที่มีคำว่า ลดการใช้เกลือ หรือ Low sodium
3.เลือกน้ำเปล่าแทนที่น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ เนื่องจากน้ำผลไม้ในปัจจุบันบางครั้งมีการเติมเกลือลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่จะยิ่งทำให้เราติดรสเค็มมากยิ่งขึ้น
4.ชิมรสชาติอาหารก่อนปรุง เครื่องปรุงรสเค็ม
5.ตั้งเป้าหมายในการกินเพื่อลดความเค็มลง โดยลดการเติมเครื่องปรุงในอาหาร
6.เมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน อาจขอแยกซอสปรุงรสต่าง ๆ หรือขอเค็มน้อยแทน
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า คนไทยป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังสูงถึง 7,600,000 คน เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดประมาณ 40,000 คนต่อปี หรือ 108 คนต่อวัน เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตกว่า 500,000 คน การจัดกิจกรรมครั้งนี้เครือข่ายฯ ร่วมกับ สสส. และบริษัท ชูใจ กะ กัลยาณมิตร จำกัด จัดทำภาพยนตร์สั้น เพื่อรณรงค์ลดเค็ม ในเรื่อง “คำรักลิขิตสาป” นำแสดงโดยหนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ เต๋า-สโรชา วาทิตตพันธ์ และจอย-ชลธิชา นวมสุคนธ์ และ “คอร์สเปลี่ยนลิ้น 21 วัน (21 Days Sodium Lesstaurant) โดยร่วมกับร้านอาหาร 21 ร้าน ปรับเมนูลดเค็ม แต่ยังคงรสชาติความอร่อยไว้ โดยเปิดให้สั่งผ่านแอปพลิเคชัน Line Man รวมทั้งให้สูตรเมนูลดเค็ม สำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารรับประทานเองด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sodiumlesstaurant.com/
sodiumlesstaurant เป็นเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งรวมช่องทางการติดต่อกับเหล่าร้านอาหารที่ปรับสูตรเมนูเด็ดให้ลดเค็มลง พร้อมส่งตรงถึงบ้านได้ตั้งแต่หนึ่งมื้อจนถึงการผูกปิ่นโตไปตลอดสามสัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์แล้วว่าลิ้นจะปรับกลับมาอร่อยกับรสชาติที่ลดเค็มลงพร้อมสุขภาพที่ดีขึ้นแบบวัดผลได้
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้สถานการณ์การบริโภคโซเดียมดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น คือ พฤติกรรมการเลือกบริโภคของตัวเราเอง มาตรการต่าง ๆ เป็นเพียงตัวช่วยให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
คอร์สเปลี่ยนลิ้น 21 วัน เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จัดทำขึ้นโดยหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยได้กลับมาใส่ใจเรื่องอาหาร ตั้งแต่วันที่โรคภัยยังไม่ส่งมาถึงทุกคน สสส. มุ่งหวังให้คนไทยมีความตระหนักถึงพิษภัยอันตรายจากการบริโภคโซเดียมในปริมาณที่มากเกินไป รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรค NCDs