เครื่องปรับอากาศ ตัวสะสมเชื้อโรค

แพทย์แนะทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเดือนละครั้ง เพื่อกำจัดต้นตอภูมิแพ้-งูสวัด-หัดเยอรมัน

 

เครื่องปรับอากาศ ตัวสะสมเชื้อโรค            เชื้อโรคอยู่รอบตัวเราคำพูดนี้คงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงมากนัก เพราะในชีวิตประจำวันของเราคงไม่อาจหนีเจ้าเชื้อโรคที่สะสมอยู่ตามอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้านไปได้…ซึ่งหลายคนก็เลือกที่จะอาศัยเจ้าเครื่องปรับอากาศ มาช่วยทำให้บรรยากาศในบ้านดีขึ้น ด้วยเชื่อตามโฆษณาว่า จะช่วยให้บ้านหลังน้อยของเราปลอดภัยจากเชื้อโรคได้ แต่! ใครจะรู้ว่าเจ้า เครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า แอร์ ที่หลายคนเชื่อว่าจะช่วยดูดฝุ่น ดูดเชื้อโรคได้ จะกลับกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดีไปซะเอง...!!!

 

            เรื่องนี้ได้รับการยืนยันเป็นที่แน่นอนจาก นพ.ฉัตรชัย เอกปัญญาสกุล แพทย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) องครักษ์ ที่ออกมาเล่าให้ฟังว่า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบประเทศไทย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านกันมากขึ้น แต่ไม่มีใครสนใจว่า เครื่องปรับอากาศนั้น แม้จะทำให้คลายร้อนลงได้ แต่ยังแฝงไปด้วยเชื้อโรค และมลพิษที่มีผลต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น

 

            แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าในแอร์มีเชื้อโรคแฝงอยู่!…ง่ายนิดเดียวเพียงแค่สังเกตเวลาเปิดแอร์ว่า มีกลิ่นอับชื้นออกมาพร้อมกับลมเย็นหรือไม่ หากมี…นั่นเป็นสัญญาณแสดงว่า มีเชื้อโรคแอบแฝงอยู่แน่นอน เพราะกลิ่นอับชื้นเหล่านี้ มักมีต้นตอจากเชื้อโรคที่ออกมาจากช่องระบายความเย็น และแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศ เพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ความชื้นเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อย่างดีของเชื้อโรค เมื่อสะสมมากๆ เข้า เชื้อโรคก็จะหลุดลอยออกมาปะปนกับอากาศเย็นภายในห้อง ทั้งเชื้อโรคภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ หืดหอบ ปอดบวมจากเชื้อลีเจียนแนร์ วัณโรค สุกใส งูสวัด หัดเยอรมัน และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ให้เราได้สูดหายใจเอาเชื้อโรคต่าง ๆ มากมายเข้าไปในร่างกาย!

 

เครื่องปรับอากาศ ตัวสะสมเชื้อโรค

             แล้วมีวิธีป้องกันไหมนะ?…สำหรับวิธีป้องกันนั้น ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เพียงแค่ล้างทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการล้างแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่ด้านหลัง ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่น ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออกไป และในแต่ละปีควรล้างเครื่องปรับอากาศแบบเต็มระบบ จะช่วยขจัดเอาฝุ่นละออง เชื้อโรคที่เกาะติดอยู่กับส่วนต่างๆ ของเครื่อง และที่ล่องลอยอยู่ในอากาศภายในห้องทิ้งออกไป

 

               นอกจากนี้ยังควรดูแลสิ่งแวดล้อมในห้องที่ใช้แอร์ด้วย โดยกำจัดฝุ่น กำจัดแหล่งที่อยู่ของแมลงสาบ ละอองเกสรพืช ไรฝุ่นในที่นอน ขนสัตว์ และแมลงอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ สำหรับบ้านหลังไหนที่มีหิ้ง ชั้นวางของ และตู้จำนวนมาก ต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ และควรทำความสะอาดเพดาน ม่าน กำแพง ทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อกำจัดแหล่งเชื้อรา อย่าให้เกิดความชื้น หรือกลิ่นอับขึ้นภายในบ้านหรือในห้องที่ใช้แอร์ได้

 

                ไม่เพียงแต่แอร์เท่านั้นที่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี เพราะเจ้าพัดลมที่ชอบส่ายหน้าไปมา ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกัน เผลอแป๊บเดียวก็มีฝุ่นเกาะอยู่บริเวณใบพัดและฝาครอบพัดลมเต็มไปหมด ทำให้ลมเย็นๆ ที่ออกมาปะทะใบหน้าของเราเต็มไปด้วยฝุ่นละอองที่เป็นสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ เพื่อป้องกันตัวเองให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ จึงควรทำความสะอาดพัดลมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งอีกด้วย

 

                 เมื่อดูแลความสะอาดรอบๆ ตัวเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพของตนเองด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายอย่าน้อยวันละ 15-20 นาที เพื่อเสริมกำลังให้กับภูมิต้านทานในร่างกาย ให้แข็งแกร่ง สามารถที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายต่างๆ ได้ค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update 25-02-53

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์

 

 

 

 

– เรื่องน่ารู้

เคล็ดลับดูแลรักษาแอร์

 

วันนี้มีเคล็ดลับการยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน “แอร์” มาบอก…

 

เครื่องปรับอากาศ ตัวสะสมเชื้อโรค

1. อย่าวางสิ่งของขวางทางลมเข้าออก เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลงและสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า

 

2. หมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้มีฝุ่นเกาะ เพราะหากแผ่นกรองอากาศสกปรกหรืออุดตัน จะทำให้แอร์ทำงานหนัก ห้องไม่เย็น และสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า การล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ  คือ ถอดหรือเปิดตะแกรงพลาสติกด้านหน้าตัวเครื่องแอร์ นำแผ่นกรองอากาศที่อยู่ด้านใน ออกมาเป่าด้วยลมหรือล้างด้วยน้ำสะอาดและผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำกลับไปใส่ไว้ตามเดิม ควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง

 

3. ควรติดตั้งชุดระบายความร้อน ไว้ในบริเวณที่โปร่งโล่ง เพื่อให้อากาศภายนอกหมุนเวียนได้สะดวก ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในตำแหน่งที่อับลม เช่น ใต้ถุนอาคารหรือใต้ราวบันได และควรหลีกเลี่ยงการนำสิ่งของไปวางไว้บริเวณรอบๆ เพราะอาจจะทำให้ลมไหลเวียนได้ไม่สะดวก และยังทำให้แอร์ทำงานหนักและใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ที่สำคัญ อย่าติดตั้งชุดระบายความร้อนใกล้ผนังจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบายความร้อนไม่สะดวก ควรติดตั้งห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 15 ซ.ม.

 

4. ทำความสะอาดแผงท่อของชุดระบายความร้อน โดยการใช้แปรงนิ่มๆ และฉีดน้ำล้างเพื่อทำความสะอาดบริเวณแผงอลูมิเนียมและคลีระบายความร้อน ทุกๆ 6 เดือน จะช่วยทำให้แอร์ระบายความร้อนได้ดีขึ้นและช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า

 

5.ตรวจสอบฉนวนหุ้มท่อน้ำยาอย่างสม่ำเสมออย่าให้ฉีกขาด และเพื่อให้แอร์ที่ใช้งานมีประสิทธิภาพอยู่เสมอและประหยัดพลังงาน

 

ลองนำเคล็ดลับที่แนะนำไปดูแลรักษาแอร์กันดูได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code